Mi 11 เปิดตัวและวางขายในไทยเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้แนวคิด Movie Magic ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 21,990 บาท สำหรับรุ่น 8+128GB เริ่มเปิดจองตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. – 12 มี.ค 2564 พร้อมของแถมสุดอลังการ ในบทความนี้เองเราจะมา รีวิว Mi 11 ให้ชมกัน
Mi 11 สมาร์ทโฟน 5G ระดับเรือธงล่าสุดของเสียวหมี่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 888 กล้องหลังจัดเต็ม 3 ตัว ความละเอียดสูงถึง 108MP ระบบบันทึกเสียงแบบภาพยนตร์และการรองรับการชาร์จไร้สายสูงสุด 50W ซึ่งแถมมาตั้งแต่ตอนซื้อเลย
Mi 11 มีให้เลือก 2 สี Midnight Gray และ Horizon Blue ขนาด 2 ความจุ ได้แก่
Mi 11 เปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2564 พร้อมรับฟรี ของสมนาคุณสุดพิเศษ Mi Smart Speaker มูลค่า 1,690 บาท
ทั้งนี้ คนที่ซื้อ Mi 11 จากช่องทางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ของเสียวหมี่ และเปิดใช้งานเครื่องภายในประเทศไทย จะได้รับ การรับประกันตัวเครื่อง 24 เดือน และ การรับประกันคุ้มครองหน้าจอ 12 เดือน อีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mi.com/global/service/warranty)
มาดู รีวิว Mi 11 กันเลย
ภาคสำรวจตัวเครื่อง
อุปกรณ์ในกล่อง Mi 11
ตัวเครื่อง Mi 11 / อะแดปเตอร์ชาร์จ 55W GaN (มรแถมมาในกล่องเลยนะ แต่ผมลืมเอามาถ่ายรวมกัน) / สาย USB Type-C / อะแดปเตอร์หูฟัง Type-C เป็น 3.5 มม. / ที่เสียบเปิดช่องใส่ซิม / เคสนิ่มช่วยป้องกันแบคทีเรียซิลเวอร์ไอออน / คู่มือผู้ใช้ / ใบรับประกัน
Mi 11 มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED DotDisplay ขนาด 6.81 นิ้ว อัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 120Hz พร้อม Adaptive Sync แบบเดียวกับที่มีใน Mi 10T Pro อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ 480Hz ใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus ซึ่งเป็นกระจกที่ดีที่สุดของแบรนด์นี้ ณ เวลานี้แล้ว ตัวกระจกช่วยลดความความเสียหายจากการตกหรือร่วงหล่น แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยประสิทธิภาพการตกที่เพิ่มขึ้น 150% และความต้านทานรอยขีดข่วนเพิ่มขึ้น 200% ทั้งยังมีการเคลือบสารป้องกันคราบเหงื่อหรือไขมัน จึงสะท้อนแสงได้ดีแต่ไม่เกิดคราบลายนิ้วมือได้ ใช้วัสดุ E4 Organic Electroluminescence รุ่นล่าสุดทำให้หน้าจอประหยัดพลังงานมากขึ้น
นอกจากนั้นตัวหน้าจอยังมาพร้อมกับนวัตกรรมหน้าจอที่ก้าวล้ำที่สุดด้วยความละเอียดสูงระดับ WQHD+ (3200×1440) และเทคโนโลยีการแสดงผลสีแบบ 10 บิต ให้รายละเอียดคมชัดและการเปลี่ยนการแสดงผลสีที่เป็นธรรมชาติ รับคะแนนระดับ A+ และรางวัลหน้าจอยอดเยี่ยมจาก DisplayMate สถาบันทดสอบหน้าจอชั้นนำระดับโลก
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Super Resolution ช่วยยกระดับวิดีโอความละเอียดต่ำขึ้นมาถึงความละเอียด WQHD+ ได้โดยไม่เพิ่มปริมาณการใช้ข้อมูล ด้วยเทคโนโลยี ความละเอียดสุดยอด คุณภาพของวิดีโอจะเพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 480p เป็น 960p และ 720p เป็น 1440p ซึ่งรองรับแพลตฟอร์มวิดีโอหลักทั้งหมด
ตัวหน้าจอยังเพิ่มเซ็นเซอร์ Mistouch ระดับฮาร์ดแวร์เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบสนองจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล แบบ Punch Hole ที่จะช่วยลดขนาดขอบหน้าจอ ปลดล็อกด้วยใบหน้า AI รูรับแสง f/2.2 ขนาดพิกเซล 0.8μm, Super Pixel 4-in-1 1.6μm มีโหมดเซลฟี่ในที่แสงน้อย ถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหน้าแบบ HDR ได้
บันทึกวิดีโอกล้องหน้า
- 1080p 1920×1080 | 30fps, 60fps
- 720p 1280×720 | 30fps
- วิดีโอสโลว์โมชั่น: 120fps: 720p
มาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ (รองรับการตรวจสอบอัตราการเต้นหัวใจบนหน้าจอ) ช่วยให้ผู้ใช้ปลดล็อกหรือใช้งานได้โดยไม่ต้องมีขอบหรือติ่งหน้าจอ ตำแหน่งเซ็นเซอร์จะอยู่สูงกว่าตำแหน่งเซ็เซอร์สแกนนิ้วมือของมือถือหลายๆ รุ่นที่เคยใช้งานมา ช่วงแรกที่ใช้ก็แตะโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง เพราะใช้ P30 Pro มา ตำแหน่งเซ็นเซอร์จะอยู่ตำแหน่งรุ่นนี้พอสมควร
ส่วนปุ่มควบคุมแบบสัมผัสจำนวน 3 ปุ่ม โดยที่เราสามารถตั้งค่าสลับตำแหน่งได้ โดยปุ่มทั้ง 3 ปุ่มจะมีปุ่ม Recent App ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ หากเราใช้งานไม่ถนัดก็สามารถสลับปุ่ม Recent App กับปุ่มย้อนกลับได้
ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดคู่ 5G แบบ nanoSIM ถัดไปเป็นช่อง usb Type C สำหรับชาร์จแบตและเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และเป็นรูเชื่อมต่อหูฟังแบบ USB Type C ซึ่งในกล่องจะมีแถมอะแดปเตอร์ USB Type C to 3.5 mm ถัดไปเป็นรูไมโครโฟนสำหรับสนทนา และสุดท้ายเป็นลำโพงของตัวเครื่อง โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่ (บน-ล่าง ของตัวเครื่อง) ที่ร่วมมือกับ Harman Kardon ให้คุณภาพเสียงชั้นเลิศ
รองรับ 4×4 MIMO รองรับ Wi-Fi 6 มีทรูพุตสูงถึง 3.5Gbps และความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น 106% จากเวอร์ชันก่อนหน้า มาพร้อมกับ บลูทูธ 5.2 รองรับ AAC/LDAC/LHDC
แบนด์เครือข่าย:
- รองรับ 5G / 4G / 3G/ 2G 5G: n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n41, n77, n78, n79
- 4G:
- FDD-LTE Band 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 17, 20, 28, 32, 66
- TDD-LTE Band 38, 40, 41, 42
- 3G: WCDMA Band 1,2,4,5,8
- 2G: GSM 850 900 1800 1900 MHz
ด้านบนเป็นลำโพงตัวที่สอง ซึ่งทำงานร่วมกับลำโพงตัวด้านล้างของตัวเครื่อง ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และมีรีโมทคอนโทรลอินฟราเรด สำหรับใช้มือถือควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้
ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียง และปุ่มเปิด และปุ่มปิดเครื่อง ตัวเครื่องมีความโค้งมน น้ำหนักเพียงแค่ 196 กรัม ความหนาอยู่ที่ 8.06 มม. ตัวเฟรมทำจากอะลูมิเนียมมีความแข็งแรง
กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลักเป็นเลนส์ไวด์ความละเอียดสูงที่สุดในโลกถึง 108 ล้านพิกเซล, เลนส์อัลตร้าไวด์ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และเลนส์เทเลมาโครความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดและบันทึกรายละเอียดได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายบุคคล ภาพทิวทัศน์หรือภาพที่ต้องการเน้นรายละเอียด
- กล้องมุมกว้าง 108MP
- ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33” ขนาดพิกเซล 0.8μm, Super Pixel 4-in-1 1.6μmf/1.85OIS
- กล้องมุมกว้างพิเศษ 13M
- PFOV 123°
- f/2.4
- กล้องเทเลมาโคร 5MP
- f/2.4
- AF (3 ซม. -10 ซม.)
ตัวกล้องหลังมีฟีเจอร์ AI Erase 2.0 (ถ่ายก่อนแล้วค่อยมาแก้ไขทีหลังได้) โหมดกลางคืน 2.0 (กว้าง/กว้างพิเศษ) วิดีโอ Ultra Night กล้อง AI คลิกเดียว: ซูมเมจิก, ชัตเตอร์ช้า, หยุดเวลา, วิดีโอเคลื่อนไหวเร็วกลางคืน, โลกคู่ขนาน, วิดีโอตรึงเฟรมฟิลเตอร์วิดีโอภาพยนตร์วีดีโอ HDR10+ วิดีโอเคลื่อนไหวเร็วโปร
บันทึกวิดีโอกล้องหลัง
- 8K 7680×4320 | 30fps, 24fps
- 4K 3840×2160 | 60fps, 30fps
- 1080p 1920×1080 | 60fps, 30fps
- 720p | 30fps
- สโลว์โมชั่น: 120fps: 720p, 1080p | 240fps: 720p, 1080p
แบตเตอรี่ความจุ 4,600 mAh (typ) ที่รองรับการชาร์จแบบใช้สาย 55W การชาร์จแบบไร้สายที่กำลังไฟ 50W และการชาร์จให้อุปกรณ์อื่น (Reverse Charging) ที่กำลังไฟ 10W และในกล่องยังมาพร้อมอุปกรณ์ชาร์จ 55W GaN มาให้ด้วยเลย ไม่ต้องเสียเงินซื้อเอง
สามารถชาร์จแบตจาก 0-100% ในเวลาแค่ 45 นาที ด้วยเทอร์โบชาร์จแบบมีสาย 55W และ 53 นาที สำหรับการชาร์จด้วยเทอร์โบชาร์จไร้สาย 50W
ปล. ไม่มีอุปกรณ์เสริมสำหรับ Reverse Charging ให้มาด้วย
ภาคซอฟท์แวร์
มาพร้อมกับ Android 11 ตั้งแต่โรงงานเลยทีเดียว ครอบด้วยอินเตอร์เฟส MIUI 12 ออกแบบระบบอนิเมชั่นเพื่อแสดงผลที่กว้างขึ้น ตัวแสดงอนิเมชั่นหลักถูกเปลี่ยนโฉมด้วยเทคนิคนวัตกรรม Kernel-level โดยที่เครื่องมือ Mi Render Engine ทำให้ MIUI 12 สามารถมอบประสบการณ์ใช้งาน UI ที่ลื่นไหลและรวดเร็ว ไม่หน่วง ไม่สะดุด และไม่ค้างที่ เพิ่มความสามารถในการรักษาความปลอดภัย ยกระดับการรักษาความเป็นส่วนตัวขึ้น เพิ่มฟีเจอร์การเเจ้งเตือนการขออนุญาตการเข้าถึง โดยที่ระบบจะมีการแจ้งเตือนแสดงขึ้นบนแถบสถานะเมื่อพบแอปที่เข้าถึงกล้อง ที่อยู่ และไมโครโฟน ที่ทำงานเบื้องหลัง
ในอนาคตจะมีการอัพเดท MIUI 12.5 จะทำให้การใช้งานทำได้ลื่นไหลมาก ๆ มีการปรับปรุง ระบบ UI ให้มีอัตราการใช้ CPU ลดลงถึง 22% และลดอัตราการใช้พลังงานลงได้ถึง 15 % ให้ประสิทธิภาพ และการประมวลผลกราฟิกลื่นไหลกว่าเดิม เพราะ MIUI 12.5 ออกมาแบบให้รองรับการเคลื่อนไหวและการตอบสนองของหน้าจอที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเนื่องจากมีการใช้แกนประมวลผลเฉพาะ จึงตอบสนองได้ทันทีและไม่มีคำสั่งอื่นในระบบมาแทรกได้ นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถเลือกถอด การติดตั้งแอปส่วนใหญ่ที่มากับระบบได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกซ่อนแอปที่ฝังมากับแกนของระบบได้อีกด้วย
ตัวอินเตอร์เฟส MIUI 12 มาพร้อม Dark Mode แม้แอปที่เราใช้งานจะไม่รองรับ แต่ตัวอินเตอร์ก็สามารถเปลี่ยนแอปดังกล่าวเป็น Dark Mode ได้ โดยจะเปลี่ยนสีของพื้นหลัง แอปของระบบ และแอปภายนอก ให้เข้มขึ้น พร้อมกันนี้ Dark Mode ยังมอบประสบการณ์การมองเห็นในสภาวะแสงน้อยด้วย
การแสดงผลแบบ AdaptiveSync ของ Xiaomi ทำให้การจับคู่อัตราเฟรมเรทของเนื้อหาโครงการโดยอัตโนมัติ และสามารถปรับแต่งอัตรารีเฟรชเรทตามลักษณะการใช้งานเช่นดูหนังอัตราค่ารีเซ็ตจะอยู่ที่ 48Hz หรือการรับชมซีรีส์ที่ 50Hz สำหรับการดู Streaming จะอยู่ที่ 30Hz หรือ 60Hz และแน่นอนสำหรับการเล่นเกมก็จะแสดงอัตราค่าเหล็กเส้นเลือดที่ 144Hz ด้วยการปรับแต่งอัตราค่ารีเซ็ตเรทและอัตราเฟรมของเนื้อหานี้ทำให้การใช้งานแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่จำเป็นต้องใช้อัตราค่ารีเฟรชเรทที่สูงเมื่อไม่ได้จำเป็น ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ 8% หลังจากใช้งานหนัก 6 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับการรักษาอัตราการรีเฟรชคงที่
ด้วยเทคโนโลยี Motion Estimation, Motion Compensation (MEMC) จะช่วยปรับปรุงความลื่นไหลของเนื้อหาอัตราเฟรมต่ำเพื่อแสดงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอย่างชัดเจน โดยอัลกอริทึมสามารถรับรู้วิถีการเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำและแทรกเฟรมการชดเชยอย่างเป็นธรรมชาติในเนื้อหาที่มีอัตราเฟรมต่ำ เช่น ภาพยนตร์ ซีรีส์ทีวี หรือเกมกีฬา เพิ่มอัตราเฟรมสูงสุด 60fps ลดความเบลอและการกะพริบได้อย่างมีประสิทธิภาพอุปกรณ์จะแทรกเฟรมมากขึ้นเพื่อให้วิดีโอนั้นลื่นไหลและรับชมได้ดีขึ้น และยังรองรับการแสดงผล HDR เมื่อเล่นเนื้อหาวิดีโอ HDR10
AI Erase 2.0
มีคุณสมบัติการตัดต่อหรือปรับแต่งภาพที่มีเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมายรวมถึงเทคโนโลยี AI Erase 2.0 ที่ช่วยให้ผู้ใช้ลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้ มีให้เลือก 3 แบบคือ แบบกำหนดเอง ลากนิ้วลบส่วนที่ต้องการ ลบเส้น คือเอาไว้ลบพวกสายไฟ ลบคน คือลบคนที่เราไม่ต้องการออกจากภาพ
ในแง่การใช้งานขึ้นอยู่กับรายละเอียดของภาพ อย่าคาดหวังว่ามันจะสามารถลบได้ทุกอย่าง บางอย่างลบออกแล้วเนียน บางอย่างลบแล้วยิ่งดูเละเทะ
แก้ไขท้องฟ้า
เป็นโหมดการแก้ไขภาพ โดยเราสามารถเพิ่มรุปแบบท้องฟ้า หรือเมฆเข้าไปในภาพได้ มีหิมะ หรือรุ้งให้เลือกใช้งานด้วย
แบตเตอรี่
จากที่ลองใช้งานพบว่าแบตเตอรี่ค่อนข้างอึดเลยทีเดียว เปิดดู Youtube Live ราวๆ 1 ชั่วโมง และเปิดใช้งานหน้าจอราวๆ 2 ชั่วโมง 36 นาที ผ่านไป 28 ชั่วโมง แบตเหลือ 24% หากซิมรองรับ 5G และต้องการให้ประหยัดแบตเตอรี่ให้เปิดฟังก์ชั่น ตัวประหยัดแบตเตอรี่ ไว้ การชาร์จแบตก็ทำได้เร็วมาก 45 นาที จาก 0-100 ด้วยเทอร์โบชาร์จแบบมีสาย 55W
ประสบการณ์ 5G บน
รุ่นนี้รองรับ 5G ทั้ง 2 ซิม สามารถใช้งาน 5G โดยไม่ต้องปิด 1 ซิม ตัวเครื่องสามารถตั้งค่าได้ว่าประเภทเครือข่ายที่จะใช้จะใช้เครือข่ายแบบไหนก่อนเช่นเลือกใช้ 3G ก่อน เลือกใช้ 4G ก่อน หรือเลือกใช้ 5G ก่อนเสมอ และยังมีฟีเจอร์ลดการทำงานของ 5G เพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่อีกด้วย
เท่าที่ใช้งานในชีวิตประจำวันว่าจะเป็นการเดินทางบนรถไฟฟ้า BTS MRT หรือเดินห้าง โดยส่วนมากแล้วจะเกาะ 5G ตลอด (ในพื้นที่ห้างส่วนมากจะไม่ค่อยมี 5G) จับสัญญาณได้ดี ลื่นไหล แม้ความเร็วในบางสถานที่จะสู้ 4G ไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละมันก็คือ 5G
ภาคทดสอบประสิทธิภาพ
มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 บนสมาร์ทโฟนตัวแรกๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ เป็นการยกระดับประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนร่วมกับฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 660 GPU, 6th generation Qualcomm AI engine และโมเด็ม X60 เพียบพร้อมทั้ง AI และ 5G
ตัวชิปเป็นเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลขนาด 5 นาโนเมตร (5nm) รองรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 2K HDR ที่ 120 เฟรมต่อวินาที ใช้สถาปัตยกรรมหน่วยประมวลผลกลาง Octa-Core และ Arm Cortex-X1 ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษเพื่อประสิทธิภาพที่สูงยิ่งกว่าเดิม แรม 8GB แบบ LPDDR5 ความเร็ว 3,200MHz ช่วยให้อัตราการถ่ายโอนข้อมูลเร็วขึ้นจาก 5,500 เมกะบิตต่อวินาทีเป็น 6,400 เมกะบิตต่อวินาที
มีระบบระบายความร้อน LiquidCool รุ่นใหม่ล่าสุด ออกแบบให้รองรับการเล่นเกมหรือการประมวลผลที่ใช้พลังสูงเพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนมีอุณหภูมิที่เย็นอย่างเหมาะสมตลอดเวลา แต่จากการทดสอบพบว่าก็ยังมีอาการเครื่องร้อนอยู่ จากตอนทดสอบจะเห็นว่าอุณหภูมิขึ้นไปอยู่ราวๆ 49 องศา นี่คืออุณภูมิหลังจากรันแอปทดสอบประสิทธิภาพเสร็จ ซึ่งทดสอบในห้องแอร์
ภาคกล้องถ่ายรูป
Mi 11 มีโหมดวิดีโอในระดับ Cinematography บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบอัจฉริยะ ด้วย AI 6 โหมด อาทิ โหมด Parallel World, โหมด Freeze Frame Video และโหมด Magic Zoom นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีการบันทึกภาพแบบ HDR10+ และโหมด Pro Time-lapse ผู้ใช้ยังสามารถปรับความเร็วชัตเตอร์ ค่า ISO รูรับแสง หรือระบบชดเชยแสงให้เหมาะสมกับสภาพแสงต่าง ๆ ได้เอง
สามารถถ่ายภาพนิ่งและภาพวิดีโอได้ดีในทุกสภาพแสงด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน (Night Mode) ที่ได้รับการปรับปรุงให้ถ่ายภาพแบบกลางคืนได้จากทั้งสามเลนส์ ทั้งเลนส์ไวด์ เลนส์อัลตร้าไวด์และกล้องหน้า มีเทคโนโลยีการถ่ายวิดีโอแบบ Night Mode ที่ช่วยลด Noise ในระดับไฟล์ RAW อีกด้วย
ตัวกล้องบางครั้งก็มีอาหารสีเพี้ยนอยู่บ่อยๆ ยกตัวอย่างภาพด้านล่างถ่ายสภาพแสงปกติ ตัวกล้องไปโฟกัสที่พื้นโต๊ะทำให้สีเพี้ยน แต่ถ้ากดโพกัสที่อาหารสีก็จะกลับมา
ภาพซุปเปอร์มาโคร
ภาพแรกเมื่อถ่ายด้วยกล้องปกติ และด้านล่างเมื่อถ่ายด้วยโหมดซุปเปอร์มาโคร จะทำให้ตัวกล้องสามารถถ่ายภาพระยะใกล้มากๆ ได้ เกิดมิติของภาพในมุมใหม่ๆ ขึ้นมา แต่มือต้องนิ่งระดับนึง หากไม่นิ่งหรือมีลมพัดจะโฟกัสยากมาก
ชุปเปอร์มูน
โหมดถ่ายภาพดวงจันทร์ สามารถซูมได้สูงสุดที่ระดับ 30X ภาพที่ออกมารู้สึกไม่ค่อยคมเท่าไหร่ และถ่ายยากด้วย หากจะถ่ายแนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้อง และยังมีลูกเล่น เช่น การเพิ่มเงาเครื่องบิน เงานกบินผ่าน เป็นต้น
เติมเมฆให้ภาพ
เป็นโหมดหนึ่งที่อยู่ในโหมดการแก้ไขภาพ เราสามารถเพิ่มเฒฆรูปแบบต่าง ๆ เข้าไปให้ภาพได้ มีเมฆหลายรูปแบบให้เลือกด้วย
ภาพในที่แสงน้อย
ภาพของกิน
ภาพอื่นๆ
สรุป
Xiaomi Mi 11 เป็นมือถือแอนดรอยด์อีกรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยสเปกระดับเทพอย่าง ชิป Snapdragon 888 แรม 8GB ตอบสนองการใช้งานในระดับเดียวกับเรือธงมือถือราคา 3 หมื่น ที่สำคัญประกันศูนย์ไทย 24 เดือนด้วย กล้องก็สวยงาม แม้จะมีสีไม่ตรงบ้าง แต่พอรับได้ ข้อดีที่สุดของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ที่อึดมากๆ