รีวิว Xiaomi Mi 11 เรือธงตัวใหม่ของเสี่ยวหมี่ รองรับ 5G คู่ กล้องสวย จอคม เสียงดี ใช้งานได้ลื่นไหล

Lazada

Mi 11 เปิดตัวและวางขายในไทยเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้แนวคิด Movie Magic ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 21,990 บาท สำหรับรุ่น 8+128GB เริ่มเปิดจองตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. – 12 มี.ค 2564 พร้อมของแถมสุดอลังการ ในบทความนี้เองเราจะมา รีวิว Mi 11 ให้ชมกัน

Mi 11 สมาร์ทโฟน 5G ระดับเรือธงล่าสุดของเสียวหมี่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 888 กล้องหลังจัดเต็ม 3 ตัว ความละเอียดสูงถึง 108MP ระบบบันทึกเสียงแบบภาพยนตร์และการรองรับการชาร์จไร้สายสูงสุด 50W ซึ่งแถมมาตั้งแต่ตอนซื้อเลย

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0003 - ภาพที่ 1

Mi 11 มีให้เลือก 2 สี Midnight Gray และ Horizon Blue ขนาด 2 ความจุ ได้แก่

Mi 11 เปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2564 พร้อมรับฟรี ของสมนาคุณสุดพิเศษ Mi Smart Speaker มูลค่า 1,690 บาท

ทั้งนี้ คนที่ซื้อ Mi 11 จากช่องทางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ของเสียวหมี่ และเปิดใช้งานเครื่องภายในประเทศไทย จะได้รับ การรับประกันตัวเครื่อง 24 เดือน และ การรับประกันคุ้มครองหน้าจอ 12 เดือน อีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mi.com/global/service/warranty)

มาดู รีวิว Mi 11 กันเลย

ภาคสำรวจตัวเครื่อง

อุปกรณ์ในกล่อง Mi 11

ตัวเครื่อง Mi 11 / อะแดปเตอร์ชาร์จ 55W GaN (มรแถมมาในกล่องเลยนะ แต่ผมลืมเอามาถ่ายรวมกัน) / สาย USB Type-C / อะแดปเตอร์หูฟัง Type-C เป็น 3.5 มม. / ที่เสียบเปิดช่องใส่ซิม / เคสนิ่มช่วยป้องกันแบคทีเรียซิลเวอร์ไอออน / คู่มือผู้ใช้ / ใบรับประกัน

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0018 - ภาพที่ 3 รีวิว Mi 11 - Mi 11 0020 - ภาพที่ 5

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0017 - ภาพที่ 7

Mi 11 มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED DotDisplay ขนาด 6.81 นิ้ว อัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 120Hz พร้อม Adaptive Sync แบบเดียวกับที่มีใน Mi 10T Pro อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ 480Hz ใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus ซึ่งเป็นกระจกที่ดีที่สุดของแบรนด์นี้ ณ เวลานี้แล้ว ตัวกระจกช่วยลดความความเสียหายจากการตกหรือร่วงหล่น แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยประสิทธิภาพการตกที่เพิ่มขึ้น 150% และความต้านทานรอยขีดข่วนเพิ่มขึ้น 200% ทั้งยังมีการเคลือบสารป้องกันคราบเหงื่อหรือไขมัน จึงสะท้อนแสงได้ดีแต่ไม่เกิดคราบลายนิ้วมือได้ ใช้วัสดุ E4 Organic Electroluminescence รุ่นล่าสุดทำให้หน้าจอประหยัดพลังงานมากขึ้น

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0009 - ภาพที่ 9

นอกจากนั้นตัวหน้าจอยังมาพร้อมกับนวัตกรรมหน้าจอที่ก้าวล้ำที่สุดด้วยความละเอียดสูงระดับ WQHD+ (3200×1440) และเทคโนโลยีการแสดงผลสีแบบ 10 บิต ให้รายละเอียดคมชัดและการเปลี่ยนการแสดงผลสีที่เป็นธรรมชาติ รับคะแนนระดับ A+ และรางวัลหน้าจอยอดเยี่ยมจาก DisplayMate สถาบันทดสอบหน้าจอชั้นนำระดับโลก 

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0007 - ภาพที่ 11

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Super Resolution ช่วยยกระดับวิดีโอความละเอียดต่ำขึ้นมาถึงความละเอียด WQHD+ ได้โดยไม่เพิ่มปริมาณการใช้ข้อมูล ด้วยเทคโนโลยี ความละเอียดสุดยอด คุณภาพของวิดีโอจะเพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 480p เป็น 960p และ 720p เป็น 1440p ซึ่งรองรับแพลตฟอร์มวิดีโอหลักทั้งหมด

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0002 - ภาพที่ 13

ตัวหน้าจอยังเพิ่มเซ็นเซอร์ Mistouch ระดับฮาร์ดแวร์เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบสนองจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0008 - ภาพที่ 15

กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล แบบ Punch Hole ที่จะช่วยลดขนาดขอบหน้าจอ ปลดล็อกด้วยใบหน้า AI รูรับแสง f/2.2 ขนาดพิกเซล 0.8μm, Super Pixel 4-in-1 1.6μm มีโหมดเซลฟี่ในที่แสงน้อย ถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหน้าแบบ HDR ได้

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0005 - ภาพที่ 17

บันทึกวิดีโอกล้องหน้า

  • 1080p 1920×1080 | 30fps, 60fps
  • 720p 1280×720 | 30fps
  • วิดีโอสโลว์โมชั่น: 120fps: 720p

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0004 - ภาพที่ 19

มาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ (รองรับการตรวจสอบอัตราการเต้นหัวใจบนหน้าจอ) ช่วยให้ผู้ใช้ปลดล็อกหรือใช้งานได้โดยไม่ต้องมีขอบหรือติ่งหน้าจอ ตำแหน่งเซ็นเซอร์จะอยู่สูงกว่าตำแหน่งเซ็เซอร์สแกนนิ้วมือของมือถือหลายๆ รุ่นที่เคยใช้งานมา ช่วงแรกที่ใช้ก็แตะโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง เพราะใช้ P30 Pro มา ตำแหน่งเซ็นเซอร์จะอยู่ตำแหน่งรุ่นนี้พอสมควร

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0006 - ภาพที่ 21

ส่วนปุ่มควบคุมแบบสัมผัสจำนวน 3 ปุ่ม โดยที่เราสามารถตั้งค่าสลับตำแหน่งได้ โดยปุ่มทั้ง 3 ปุ่มจะมีปุ่ม Recent App ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ หากเราใช้งานไม่ถนัดก็สามารถสลับปุ่ม Recent App กับปุ่มย้อนกลับได้

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0013 - ภาพที่ 23

ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดคู่ 5G แบบ nanoSIM ถัดไปเป็นช่อง usb Type C สำหรับชาร์จแบตและเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และเป็นรูเชื่อมต่อหูฟังแบบ USB Type C ซึ่งในกล่องจะมีแถมอะแดปเตอร์ USB Type C to 3.5 mm ถัดไปเป็นรูไมโครโฟนสำหรับสนทนา และสุดท้ายเป็นลำโพงของตัวเครื่อง โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่ (บน-ล่าง ของตัวเครื่อง) ที่ร่วมมือกับ Harman Kardon ให้คุณภาพเสียงชั้นเลิศ

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0019 - ภาพที่ 25

รองรับ 4×4 MIMO รองรับ Wi-Fi 6 มีทรูพุตสูงถึง 3.5Gbps และความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น 106% จากเวอร์ชันก่อนหน้า มาพร้อมกับ บลูทูธ 5.2 รองรับ AAC/LDAC/LHDC

แบนด์เครือข่าย:

  • รองรับ 5G / 4G / 3G/ 2G 5G: n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n41, n77, n78, n79
  • 4G:
    • FDD-LTE Band 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 17, 20, 28, 32, 66
    • TDD-LTE Band 38, 40, 41, 42
  • 3G: WCDMA Band 1,2,4,5,8
  • 2G: GSM 850 900 1800 1900 MHz

ด้านบนเป็นลำโพงตัวที่สอง ซึ่งทำงานร่วมกับลำโพงตัวด้านล้างของตัวเครื่อง ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และมีรีโมทคอนโทรลอินฟราเรด สำหรับใช้มือถือควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0011 - ภาพที่ 27

ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียง และปุ่มเปิด และปุ่มปิดเครื่อง ตัวเครื่องมีความโค้งมน น้ำหนักเพียงแค่ 196 กรัม ความหนาอยู่ที่ 8.06 มม. ตัวเฟรมทำจากอะลูมิเนียมมีความแข็งแรง

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0012 - ภาพที่ 29 รีวิว Mi 11 - Mi 11 0014 - ภาพที่ 31

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0010 - ภาพที่ 33

กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลักเป็นเลนส์ไวด์ความละเอียดสูงที่สุดในโลกถึง 108 ล้านพิกเซล, เลนส์อัลตร้าไวด์ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และเลนส์เทเลมาโครความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดและบันทึกรายละเอียดได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายบุคคล ภาพทิวทัศน์หรือภาพที่ต้องการเน้นรายละเอียด

  • กล้องมุมกว้าง 108MP
    • ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33” ขนาดพิกเซล 0.8μm, Super Pixel 4-in-1 1.6μmf/1.85OIS
  • กล้องมุมกว้างพิเศษ 13M
    • PFOV 123°
    • f/2.4
  • กล้องเทเลมาโคร 5MP
    • f/2.4
    • AF (3 ซม. -10 ซม.)

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0016 - ภาพที่ 35

ตัวกล้องหลังมีฟีเจอร์ AI Erase 2.0 (ถ่ายก่อนแล้วค่อยมาแก้ไขทีหลังได้) โหมดกลางคืน 2.0 (กว้าง/กว้างพิเศษ) วิดีโอ Ultra Night กล้อง AI คลิกเดียว: ซูมเมจิก, ชัตเตอร์ช้า, หยุดเวลา, วิดีโอเคลื่อนไหวเร็วกลางคืน, โลกคู่ขนาน, วิดีโอตรึงเฟรมฟิลเตอร์วิดีโอภาพยนตร์วีดีโอ HDR10+ วิดีโอเคลื่อนไหวเร็วโปร

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0015 - ภาพที่ 37

บันทึกวิดีโอกล้องหลัง

  • 8K 7680×4320 | 30fps, 24fps
  • 4K 3840×2160 | 60fps, 30fps
  • 1080p 1920×1080 | 60fps, 30fps
  • 720p | 30fps
  • สโลว์โมชั่น: 120fps: 720p, 1080p | 240fps: 720p, 1080p

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0001 - ภาพที่ 39

แบตเตอรี่ความจุ 4,600 mAh (typ) ที่รองรับการชาร์จแบบใช้สาย 55W การชาร์จแบบไร้สายที่กำลังไฟ 50W และการชาร์จให้อุปกรณ์อื่น (Reverse Charging) ที่กำลังไฟ 10W และในกล่องยังมาพร้อมอุปกรณ์ชาร์จ 55W GaN มาให้ด้วยเลย ไม่ต้องเสียเงินซื้อเอง

รีวิว Mi 11 - Mi 11 0021 - ภาพที่ 41

สามารถชาร์จแบตจาก 0-100% ในเวลาแค่ 45 นาที ด้วยเทอร์โบชาร์จแบบมีสาย 55W และ 53 นาที สำหรับการชาร์จด้วยเทอร์โบชาร์จไร้สาย 50W

ปล. ไม่มีอุปกรณ์เสริมสำหรับ Reverse Charging ให้มาด้วย

ภาคซอฟท์แวร์

มาพร้อมกับ Android 11 ตั้งแต่โรงงานเลยทีเดียว ครอบด้วยอินเตอร์เฟส MIUI 12 ออกแบบระบบอนิเมชั่นเพื่อแสดงผลที่กว้างขึ้น ตัวแสดงอนิเมชั่นหลักถูกเปลี่ยนโฉมด้วยเทคนิคนวัตกรรม Kernel-level โดยที่เครื่องมือ Mi Render Engine ทำให้ MIUI 12 สามารถมอบประสบการณ์ใช้งาน UI ที่ลื่นไหลและรวดเร็ว ไม่หน่วง ไม่สะดุด และไม่ค้างที่ เพิ่มความสามารถในการรักษาความปลอดภัย ยกระดับการรักษาความเป็นส่วนตัวขึ้น เพิ่มฟีเจอร์การเเจ้งเตือนการขออนุญาตการเข้าถึง โดยที่ระบบจะมีการแจ้งเตือนแสดงขึ้นบนแถบสถานะเมื่อพบแอปที่เข้าถึงกล้อง ที่อยู่ และไมโครโฟน ที่ทำงานเบื้องหลัง

รีวิว Mi 11 - Mi SS 005 - ภาพที่ 43

ในอนาคตจะมีการอัพเดท MIUI 12.5 จะทำให้การใช้งานทำได้ลื่นไหลมาก ๆ มีการปรับปรุง ระบบ UI ให้มีอัตราการใช้ CPU ลดลงถึง 22% และลดอัตราการใช้พลังงานลงได้ถึง 15 % ให้ประสิทธิภาพ และการประมวลผลกราฟิกลื่นไหลกว่าเดิม เพราะ MIUI 12.5 ออกมาแบบให้รองรับการเคลื่อนไหวและการตอบสนองของหน้าจอที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเนื่องจากมีการใช้แกนประมวลผลเฉพาะ จึงตอบสนองได้ทันทีและไม่มีคำสั่งอื่นในระบบมาแทรกได้ นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถเลือกถอด การติดตั้งแอปส่วนใหญ่ที่มากับระบบได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกซ่อนแอปที่ฝังมากับแกนของระบบได้อีกด้วย

รีวิว Mi 11 - Mi SS 013 - ภาพที่ 45

ตัวอินเตอร์เฟส MIUI 12 มาพร้อม Dark Mode แม้แอปที่เราใช้งานจะไม่รองรับ แต่ตัวอินเตอร์ก็สามารถเปลี่ยนแอปดังกล่าวเป็น Dark Mode ได้ โดยจะเปลี่ยนสีของพื้นหลัง แอปของระบบ และแอปภายนอก ให้เข้มขึ้น พร้อมกันนี้ Dark Mode ยังมอบประสบการณ์การมองเห็นในสภาวะแสงน้อยด้วย

รีวิว Mi 11 - Mi SS 014 - ภาพที่ 47

การแสดงผลแบบ AdaptiveSync ของ Xiaomi ทำให้การจับคู่อัตราเฟรมเรทของเนื้อหาโครงการโดยอัตโนมัติ และสามารถปรับแต่งอัตรารีเฟรชเรทตามลักษณะการใช้งานเช่นดูหนังอัตราค่ารีเซ็ตจะอยู่ที่ 48Hz หรือการรับชมซีรีส์ที่ 50Hz สำหรับการดู Streaming จะอยู่ที่ 30Hz หรือ 60Hz และแน่นอนสำหรับการเล่นเกมก็จะแสดงอัตราค่าเหล็กเส้นเลือดที่ 144Hz ด้วยการปรับแต่งอัตราค่ารีเซ็ตเรทและอัตราเฟรมของเนื้อหานี้ทำให้การใช้งานแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่จำเป็นต้องใช้อัตราค่ารีเฟรชเรทที่สูงเมื่อไม่ได้จำเป็น ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ 8% หลังจากใช้งานหนัก 6 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับการรักษาอัตราการรีเฟรชคงที่

รีวิว Mi 11 - Mi SS 012 - ภาพที่ 49

ด้วยเทคโนโลยี Motion Estimation, Motion Compensation (MEMC) จะช่วยปรับปรุงความลื่นไหลของเนื้อหาอัตราเฟรมต่ำเพื่อแสดงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอย่างชัดเจน โดยอัลกอริทึมสามารถรับรู้วิถีการเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำและแทรกเฟรมการชดเชยอย่างเป็นธรรมชาติในเนื้อหาที่มีอัตราเฟรมต่ำ เช่น ภาพยนตร์ ซีรีส์ทีวี หรือเกมกีฬา เพิ่มอัตราเฟรมสูงสุด 60fps ลดความเบลอและการกะพริบได้อย่างมีประสิทธิภาพอุปกรณ์จะแทรกเฟรมมากขึ้นเพื่อให้วิดีโอนั้นลื่นไหลและรับชมได้ดีขึ้น และยังรองรับการแสดงผล HDR เมื่อเล่นเนื้อหาวิดีโอ HDR10

รีวิว Mi 11 - Mi SS 011 - ภาพที่ 51

AI Erase 2.0

มีคุณสมบัติการตัดต่อหรือปรับแต่งภาพที่มีเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมายรวมถึงเทคโนโลยี AI Erase 2.0 ที่ช่วยให้ผู้ใช้ลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้ มีให้เลือก 3 แบบคือ แบบกำหนดเอง ลากนิ้วลบส่วนที่ต้องการ ลบเส้น คือเอาไว้ลบพวกสายไฟ ลบคน คือลบคนที่เราไม่ต้องการออกจากภาพ

ในแง่การใช้งานขึ้นอยู่กับรายละเอียดของภาพ อย่าคาดหวังว่ามันจะสามารถลบได้ทุกอย่าง บางอย่างลบออกแล้วเนียน บางอย่างลบแล้วยิ่งดูเละเทะ

รีวิว Mi 11 - Mi SS 002 - ภาพที่ 53 รีวิว Mi 11 - Mi SS 001 - ภาพที่ 55

แก้ไขท้องฟ้า

เป็นโหมดการแก้ไขภาพ โดยเราสามารถเพิ่มรุปแบบท้องฟ้า หรือเมฆเข้าไปในภาพได้ มีหิมะ หรือรุ้งให้เลือกใช้งานด้วย

รีวิว Mi 11 - Mi SS 003 - ภาพที่ 57

แบตเตอรี่

จากที่ลองใช้งานพบว่าแบตเตอรี่ค่อนข้างอึดเลยทีเดียว เปิดดู Youtube Live ราวๆ 1 ชั่วโมง และเปิดใช้งานหน้าจอราวๆ 2 ชั่วโมง 36 นาที ผ่านไป 28 ชั่วโมง แบตเหลือ 24% หากซิมรองรับ 5G และต้องการให้ประหยัดแบตเตอรี่ให้เปิดฟังก์ชั่น ตัวประหยัดแบตเตอรี่ ไว้ การชาร์จแบตก็ทำได้เร็วมาก 45 นาที จาก 0-100 ด้วยเทอร์โบชาร์จแบบมีสาย 55W

รีวิว Mi 11 - Mi SS 004 - ภาพที่ 59

ประสบการณ์ 5G บน

รุ่นนี้รองรับ 5G ทั้ง 2 ซิม สามารถใช้งาน 5G โดยไม่ต้องปิด 1 ซิม ตัวเครื่องสามารถตั้งค่าได้ว่าประเภทเครือข่ายที่จะใช้จะใช้เครือข่ายแบบไหนก่อนเช่นเลือกใช้ 3G ก่อน เลือกใช้ 4G ก่อน หรือเลือกใช้ 5G ก่อนเสมอ และยังมีฟีเจอร์ลดการทำงานของ 5G เพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่อีกด้วย

เท่าที่ใช้งานในชีวิตประจำวันว่าจะเป็นการเดินทางบนรถไฟฟ้า BTS MRT หรือเดินห้าง โดยส่วนมากแล้วจะเกาะ 5G ตลอด (ในพื้นที่ห้างส่วนมากจะไม่ค่อยมี 5G) จับสัญญาณได้ดี ลื่นไหล แม้ความเร็วในบางสถานที่จะสู้ 4G ไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละมันก็คือ 5G

รีวิว Mi 11 - Mi SS 006 - ภาพที่ 61

ภาคทดสอบประสิทธิภาพ

มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 บนสมาร์ทโฟนตัวแรกๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ เป็นการยกระดับประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนร่วมกับฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 660 GPU, 6th generation Qualcomm AI engine และโมเด็ม X60 เพียบพร้อมทั้ง AI และ 5G

ตัวชิปเป็นเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลขนาด 5 นาโนเมตร (5nm) รองรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 2K HDR ที่ 120 เฟรมต่อวินาที ใช้สถาปัตยกรรมหน่วยประมวลผลกลาง Octa-Core และ Arm Cortex-X1 ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษเพื่อประสิทธิภาพที่สูงยิ่งกว่าเดิม แรม 8GB แบบ LPDDR5 ความเร็ว 3,200MHz ช่วยให้อัตราการถ่ายโอนข้อมูลเร็วขึ้นจาก 5,500 เมกะบิตต่อวินาทีเป็น 6,400 เมกะบิตต่อวินาที

รีวิว Mi 11 - Mi SS 008 - ภาพที่ 63 รีวิว Mi 11 - Mi SS 007 - ภาพที่ 65 รีวิว Mi 11 - Mi SS 009 - ภาพที่ 67

มีระบบระบายความร้อน LiquidCool รุ่นใหม่ล่าสุด ออกแบบให้รองรับการเล่นเกมหรือการประมวลผลที่ใช้พลังสูงเพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนมีอุณหภูมิที่เย็นอย่างเหมาะสมตลอดเวลา แต่จากการทดสอบพบว่าก็ยังมีอาการเครื่องร้อนอยู่ จากตอนทดสอบจะเห็นว่าอุณหภูมิขึ้นไปอยู่ราวๆ 49 องศา นี่คืออุณภูมิหลังจากรันแอปทดสอบประสิทธิภาพเสร็จ ซึ่งทดสอบในห้องแอร์

รีวิว Mi 11 - Mi SS 010 - ภาพที่ 69

ภาคกล้องถ่ายรูป

Mi 11 มีโหมดวิดีโอในระดับ Cinematography บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบอัจฉริยะ ด้วย AI 6 โหมด อาทิ โหมด Parallel World, โหมด Freeze Frame Video และโหมด Magic Zoom นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีการบันทึกภาพแบบ HDR10+ และโหมด Pro Time-lapse ผู้ใช้ยังสามารถปรับความเร็วชัตเตอร์ ค่า ISO รูรับแสง หรือระบบชดเชยแสงให้เหมาะสมกับสภาพแสงต่าง ๆ ได้เอง

สามารถถ่ายภาพนิ่งและภาพวิดีโอได้ดีในทุกสภาพแสงด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน (Night Mode) ที่ได้รับการปรับปรุงให้ถ่ายภาพแบบกลางคืนได้จากทั้งสามเลนส์ ทั้งเลนส์ไวด์ เลนส์อัลตร้าไวด์และกล้องหน้า มีเทคโนโลยีการถ่ายวิดีโอแบบ Night Mode ที่ช่วยลด Noise ในระดับไฟล์ RAW อีกด้วย

ตัวกล้องบางครั้งก็มีอาหารสีเพี้ยนอยู่บ่อยๆ ยกตัวอย่างภาพด้านล่างถ่ายสภาพแสงปกติ ตัวกล้องไปโฟกัสที่พื้นโต๊ะทำให้สีเพี้ยน แต่ถ้ากดโพกัสที่อาหารสีก็จะกลับมา

รีวิว Mi 11 - Mi 11 IMG 2021022752 008 - ภาพที่ 71

ภาพซุปเปอร์มาโคร

ภาพแรกเมื่อถ่ายด้วยกล้องปกติ และด้านล่างเมื่อถ่ายด้วยโหมดซุปเปอร์มาโคร จะทำให้ตัวกล้องสามารถถ่ายภาพระยะใกล้มากๆ ได้ เกิดมิติของภาพในมุมใหม่ๆ ขึ้นมา แต่มือต้องนิ่งระดับนึง หากไม่นิ่งหรือมีลมพัดจะโฟกัสยากมาก

ชุปเปอร์มูน

โหมดถ่ายภาพดวงจันทร์ สามารถซูมได้สูงสุดที่ระดับ 30X ภาพที่ออกมารู้สึกไม่ค่อยคมเท่าไหร่ และถ่ายยากด้วย หากจะถ่ายแนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้อง และยังมีลูกเล่น เช่น การเพิ่มเงาเครื่องบิน เงานกบินผ่าน เป็นต้น

เติมเมฆให้ภาพ

เป็นโหมดหนึ่งที่อยู่ในโหมดการแก้ไขภาพ เราสามารถเพิ่มเฒฆรูปแบบต่าง ๆ เข้าไปให้ภาพได้ มีเมฆหลายรูปแบบให้เลือกด้วย

รีวิว Mi 11 - Mi 11 IMG 2021022819 027 - ภาพที่ 91 รีวิว Mi 11 - Mi 11 IMG 2021022819 028 - ภาพที่ 93

ภาพในที่แสงน้อย

ภาพของกิน

ภาพอื่นๆ

สรุป

Xiaomi Mi 11 เป็นมือถือแอนดรอยด์อีกรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยสเปกระดับเทพอย่าง ชิป Snapdragon 888 แรม 8GB ตอบสนองการใช้งานในระดับเดียวกับเรือธงมือถือราคา 3 หมื่น ที่สำคัญประกันศูนย์ไทย 24 เดือนด้วย กล้องก็สวยงาม แม้จะมีสีไม่ตรงบ้าง แต่พอรับได้ ข้อดีที่สุดของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ที่อึดมากๆ