Adidas สร้างความต่างฉีกคู่แข่งด้านรองเท้าด้วย Futurecraft 4D ผลิตด้วยแสงและอ็อกซิเจน

ความน่าสนใจของผู้ผลิตเครื่องกีฬาไม่ว่าจะเป็น Adidas, Nike, New Balance หรือ Under Armour อยู่ตรงที่ทุกแบรนด์ไม่สามารถจดจ่ออยู่ได้เฉพาะตลาดเครื่องกีฬาเท่านั้น แต่ความเป็นแฟชัน คือ สิ่งที่เปิดทางให้ผู้ผลิตเครื่องกีฬาต้องเข้ามาอยู่ในโลกแฟชันโดยปริยาย

นั่นจึงทำให้ Adidas หนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของวงการเครื่องกีฬาเปิดช่องในการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาผลิตรองเท้า โดยเรียกขานสิ่งนี้ว่า Futurecraft 4D

Futurecraft 4D ใช้แสงและอ็อกซิเจน

Futurecraft 4D

ก่อนหน้านี้เราคงเคยได้สัมผัสกันมาบ้าง สำหรับรองเท้าจาก Adidas ที่ใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติในการผลิต และเชื่อมั่นได้อย่างไม่มีข้อคลางแคลงใจได้เลยว่า เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จะถูกนำไปมาใช้ในตลาดรองเท้ามากขึ้น

Futurecraft 4D คืออีกขั้นของการนำเครื่องพิมพ์ 3 มิติมาใช้ โดยการผลิตรองเท้าที่ Adidas ภูมิใจนำเสนอที่ว่านี้ จะใช้แสงและอ็อกซิเจนเป็นกระบวนการผลิตหลัก

โดยการผลิตที่ว่านี้จะใช้หลักวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย เริ่มจากการใช้เรซินเหลวเป็นวัตถุดิบ ต่อจากนั้นใช้แสงจาก digital light projection และออกซิเจน ยิงเข้าไปที่เรซินเพื่อให้เกิดการแข็งตัว แล้วจากนั้นก็จะได้เป็นรองเท้าที่มีคุณภาพสูงต่อไป

เป็นมากกว่ารองเท้า แต่มันคืออัตลักษณ์บนรองเท้า

Futurecraft 4D

การที่โลกหมุนด้วยเทรนด์ของการออกกำลังกาย ดังนั้นการใช้อุปกรณ์ที่มาจากบริษัทที่เป็นผู้ผลิตด้านกีฬาด้วยแล้ว จึงกลายเป็นสิ่งที่ Very Cool อย่างมาก

จุดมุ่งหมายในการพัฒนารองเท้าตามคอนเซปต์ Futurecraft 4D ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่นักกีฬาเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงคนทั่วไปที่ต้องการรองเท้าที่มีคุณภาพดี นี่คือสิ่งที่ Adidas มอบให้

เท่านั้นยังไม่พอด้วยความที่รองเท้ารุ่นนี้ถูกผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ทำให้มีฟีเจอร์ในการปรับแต่งรองเท้าเพื่อให้เป็นรองเท้าที่มีความเป็นตัวของตัวเองได้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งนี้ Adidas ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่า มันสามารถปรับแต่งอะไรได้บ้าง แต่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของสี หรือการเพิ่มรูปภาพกราฟิกที่เป็นของเรา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่รองเท้าปกติทั่วไปไม่สามารถให้ได้หรือเคยมีมาก่อน

สำหรับรองเท้าสุดพิเศษจาก adidas จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายน 300 คู่ หลังจากนั้นจะต้องรอกระทั่งจนถึงปลายปี จะมีออกมาให้จับจองอีก 5,000 คู่ และจะเพิ่มเป็น 1 แสนคู่ในปี 2018