รายงาน เผย อาลีบาบา กรุ๊ป ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรลง 620,000 ตัน จากการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน

- Alibaba Cloud aims to run its centers entirely on clean energy by 2030. Photo Credit Alibaba Group Small - ภาพที่ 1

อาลีบาบา คลาวด์ มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนระบบ โดยอาศัยพลังงานสะอาดทั้งหมด ภายปี 2573

กรุงเทพฯ 31 สิงหาคม 2565: อาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) ได้เปิดเผยรายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประจำปี พ.ศ. 2565 ซึ่งระบุว่า บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ทั้งหมด 619,944 ตัน จากการเปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของพลังงาน โดยมีการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นในปีงบประมาณสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 (FY2022) ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงานไฟฟ้า 21.6% ที่ถูกใช้ในระบบ อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) ซึ่งเป็นแกนหลักทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาของอาลีบาบานั้น ล้วนมาจากพลังงานสะอาด ในขณะเดียวกัน ศูนย์ข้อมูลของบริษัท ก็ยังมีตัวเลขมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า (Power Usage Effectiveness) หรือ ค่า PUE เฉลี่ยอยู่ที่ 1.247 ต่อปี ซึ่งเป็นมาตรฐานชั้นนำของเอเชีย

รายงานยังได้กล่าวถึงการจัดลำดับของ Bloomberg New Energy Finance ปี 2564 (Bloomberg NEF) ที่ระบุว่า อาลีบาบาเป็นผู้ซื้อพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดจากบรรดาบริษัทสัญชาติจีนทั้งหมด โดยแค่ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 อาลีบาบาได้ซื้อพลังงานสะอาดไปแล้วไม่ต่ำกว่า 800 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้น 150% จากของปี 2564 ทั้งปี

ในปีงบประมาณ 2565 ไช่เหนียว (Cainiao) บริษัทโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ได้นำอัลกอริทึมอัจฉริยะเข้ามาวิเคราะห์ขนาดผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเลือกบรรจุภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม กระบวนการนี้ทำให้บริษัทสามารถลดการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ลงได้ เฉลี่ย 15% นอกจากนี้ บริษัทยังติดตั้งแหล่งพลังงานโซลาเซลล์ในคลังสินค้า ซึ่งมีกำลังผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ถึง 24.9 เมกะวัตต์ เทียบเท่ากับการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 16,000 ตัน

- Cainiao encourages consumers to recycle their packaging boxes. Photo Credit Alibaba Group Medium 1 - ภาพที่ 3
ไช่เหนี่ยว ได้กระตุ้นให้ลูกค้านำบรรจุภัณฑ์มารีไซเคิล

“วิสัยทัศน์ของอาลีบาบาคือการเป็นบริษัทที่ดีที่จะมีอายุยืนยาวถึง 102 ปี” แดเนียล จาง ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้กล่าวในสารจากประธานกรรมการ ในรายงาน ESG “พันธกิจนี้จำเป็นต้องอาศัยความสามารถในการปรับตัวได้อย่างฉับไว เพื่อรับมือกับทุกภาวะเศรษฐกิจที่หมุนเวียนมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความท้าทายที่ไม่อาจคาดคิด วิสัยทัศน์แรกเริ่มของเรา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเรามองการไกลและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ชุมชนของเรากำลังเผชิญอยู่ ตลอดจนสร้างมูลค่าให้เราเป็นมากกว่าบริษัทที่มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงพาณิชย์เท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้องค์กรของเรามีสุขภาพที่ดีและยั่งยืนต่อไปได้ถึง 102 ปี เราจึงต้องจัดการกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับสังคมโดยรวม และการกำกับดูแลกิจการในระยะยาวของบริษัท”

“การวางแผนกลยุทธ์ ESG ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุพันธกิจของบริษัท เพราะ ESG ไม่เพียงแต่นำเสนอกรอบการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อจัดการกับความเสี่ยงและความท้าทายนานัปการ แต่ยังมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ในฐานะมาตรฐานสากลสำหรับการประเมินมาตรฐานการประกอบกิจการที่ดี” แดเนียล จาง กล่าวเสริม

รายงาน ESG ยังเน้นย้ำว่า ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีแห่งโลกยุคใหม่ อาลีบาบามีเป้าหมายที่จะช่วยแบกรับความรับผิดชอบต่อการบรรเทาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและสังคม การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ได้สร้างสายสัมพันธ์และความร่วมมือแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้ผลประโยชน์ทางการค้าโลกและการพัฒนาเศรษฐกิจ สามารถกระจายตัวไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาลีบาบาตั้งใจที่จะผลักดันการขับเคลื่อนด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างเต็มกำลัง ตลอดจนสร้างความมั่นใจว่าทุกคนและทุกชุมชนที่ใช้บริการนวัตกรรมของบริษัท จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

- Alibaba ESG Report 2022. Photo Credit Shutter Stock - ภาพที่ 5

บริษัทได้ตั้งปณิธานเชิงกลยุทธ์ของ ESG 7 มิติ ได้แก่ การฟื้นฟูโลกสีเขียว การสนับสนุนส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ การใช้ชีวิตดิจิทัลอย่างยั่งยืน การเติมไฟให้กับธุรกิจขนาดเล็ก การสร้างชุมชนที่มีความสามัคคีและยืดหยุ่นต่อทุกสถานการณ์ การสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม และสุดท้าย การสร้างความไว้วางใจ

รายงาน ESG ประจำปี 2565 ของอาลีบาบาเป็นฉบับต่อ เพื่ออัพเดตความคืบหน้าจากครั้งแรก ที่มีการประกาศคำมั่นสัญญาไว้ใน รายงานการดำเนินการความเป็นกลางทางคาร์บอนของอาลีบาบา ที่เผยแพร่ไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ว่าบริษัทจะมุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับ สโคป 1 กับ 2 และตั้งเป้าที่จะลดความเข้มข้นของคาร์บอนลง 50% ใน สโคป 3 ภายในปี 2573 นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่ม สโคป 3+ ขึ้นอีกหนึ่งมิติ โดยมีเป้าหมายเพื่อการกำจัดคาร์บอนเพิ่มเติม 1.5 กิกะตัน ทั่วทั้งระบบนิเวศของอาลีบาบา ภายในปี 2578