ASUS เปิดตัว ZenBook 13 รุ่นใหม่ลาสุด ใช้ชื่อรุ่นว่า ZenBook 13 UX333FN เป็นแล็ปท็อป 13 นิ้วที่ขนาดเล็กที่สุดในโลก “The World’s smallest 13 laptops” มาพร้อมกับดีไซน์สวยไม่เทอะทะ เหมาะกะการพกพา จอภาพขอบบาง NanoEdge บานพับแบบ ErgoLift รวมไปถึง NumberPad แบบใหม่ที่ซ่อนอยู่ในทัชแพด
ZenBook 13 UX333FN มาพร้อมกับสีน้ำเงิน Royal Blue ให้ความรู้สึกสุขุม สีเงิน Icicle ที่หรูหราพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังแห่งการสร้างสรรค์ไปกับผู้ใช้งาน มีให้เลือก 3 โมเดล คือ
- Windows 10 Home/Intel Core i5-8265U ราคา 26,990 บาท
- Windows 10 Home/Intel Core i5-8265U/MX150 ราคา 29,990 บาท
- Windows 10 Home/Intel Core i7-8565U/MX150 ราคา 35,990 บาท
ข้อมูลสเปก
- หน้าจอ 13.3” LED-backlit FHD (1920 x 1080) 16:9
- ซีพียู Intel Core i7-8565U (Kaby Lake-R) 1.8GHz quad-core with Turbo Boost (up to 4.6GHz) and 8MB cache
- แรม 8GB LPDDR3 2133MHz
- ชิปกราฟฟิก Intel UHD Graphics 620
- การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5 VRAM
- 512GB PCIe 3.0 x2 SSD
- แบตเตอรี่ 50Wh 3-cell lithium-polymer
- น้ำหนัก 1.19 kg
- ลำโพง Stereo ที่พัฒนาร่วมกับ Harman Kardon
- มาพร้อมกับ Windows 10 Home 64-bit
- Dual-band 802.11ac gigabit-class Wi-Fi
- Bluetooth 5.0
- port เชื่อมต่อ
- 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-C™ (up to 10Gbps)
- 1 x USB 3.1 Type-A (up to 10Gbps)
- 1 x USB 2.0 Type-A
- 1 x HDMI
- 1 x MicroSD card reader
ดีไซน์
มีขนาดกะทัดรัด ประกอบด้วยจอภาพขอบบาง NanoEdge ทั้ง 4 ด้าน ทำให้ ZenBook 13 เป็นแล็ปท็อป 13 นิ้วที่เล็กที่สุดในโลก ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ากระดาษ A4 และเล็กกว่า ZenBook 13 (UX331) รุ่นก่อนหน้าถึง 14% น้ำหนักเพียงแค่ 1.19 กิโลกรัม
แต่ผ่านการทดสอบ US military standard ได้รับมาตรฐานทางทหาร MIL-STD-810G โดยทดลองการใช้งานในทุกสภาวะ ทั้งความร้อน ความเย็น ความชื้น
ขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับ Macbook Air 13 เยอะมาก
มาพร้อมกับหน้าจอ NanoEdge ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง FHD 1920X1080 พิกเซล จุดเด่นของหน้าจอคือช่วยให้เห็นข้อความที่คมชัดและภาพที่สมจริงดูเป็นธรรมชาติ ให้มุมมองกว้างถึง 178° และขอบจอที่บางมากคิดเป็น 95% ของหน้าจอ
ขอบจอบาง (Ultra-thin NanoEdge bezels) เป็นโน้ตบุ๊กที่มีกล้องเว็บแคมด้านบน (บางแบรนด์มีขอบจอบางแต่ก็ตัดกล้องออกไป) นอกจากนั้นตัวกล้องยังเป็นกล้อง IR คู่ ช่วยในการ login เข้าแบบ face recognition ได้ด้วย
มี ASUS Splendid สำหรับปรับแต่งการแสดงผลของหน้าจอให้อยู่ในโหมดการแสดงผลที่ต้องการ โดยมี 4 โหมดการแสดงผลซึ่งคุณสามารถปรับแต่งได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว โหมดปกติ (Normal Mode) เหมาะสำหรับงานประจำวัน โหมดสดใส (Vivid Mode) ช่วยเพิ่มความคมชัดในการแสดงภาพและวิดีโอที่สวยงาม โหมดดูแลดวงตา (Eye Care Mode) ช่วยลดระดับแสงสีฟ้าได้ถึง 30% เพื่อลดความเครียดในดวงตา และโหมดปรับด้วยตนเอง (Manual Mode) ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งสีในแบบของคุณเองได้อย่างอิสระ
นอกจากนั้นยังมี ASUS Tru2Life Video ที่ปรับตั้งค่าการแสดงผลได้อย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจได้ถึงความสบายตาและสีที่เหมาะสมกับเนื้อหาทุกประเภท
ErgoLift Hinge ออกแบบมาเพื่อทำให้แป้นพิมพ์เอียงขึ้นไปยังมุมเอียงที่เป็นตำแหน่งการพิมพ์ที่สบายที่สุด มุมเอียงที่ได้รับการคำนวณอย่างละเอียดรอบคอบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และช่วยให้เสียงจากลำโพงดีขึ้นอีกด้วย
โดย ErgoLift จะทำให้ตัวเครื่องเอียงขึ้น 3.5 องศา ส่วนหน้าจอกางออกได้กว้างสุด 143 องศา ตามภาพด้านล้าง
มาพร้อมกับ Backlit keyboard สามารถปรับความสว่างของไฟได้เอง ช่วยให้สามารถมองเห็นแป้นพิมพ์ สามารถทำงานในสภาพแสงน้อย แป้นพิมพ์ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โครงสร้างแข็งแรงทนทาน และมีระยะกดเพียง 1.4 มิลลิเมตร เพื่อการพิมพ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
มาพร้อมดีไซน์การตกแต่งใหม่บริเวณด้านบนคีย์บอร์ด เป็นสี rose gold ลำโพง Harman Kardon เสียงคมชัด คุณภาพดี
มาพร้อมแป้นพิมพ์ตัวเลขแบบใหม่ NumberPad ที่อยู่บนทัชแพด ที่สามารถสลับใช้งานได้เพื่อการป้อนข้อมูลที่รวดเร็ว แม้ว่าจะเปิดใช้งาน NumberPad อยู่แต่ทัชแพดก็ยังใช้งานได้ปกติเช่นกัน
Port เชื่อมต่อต่างๆ
มาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C 3.1 Gen 2 จำนวน 1 ช่อง และ USB 3.1 จำนวน 1 ช่อง USB 2.0 จำนวน 1 ช่อง คิดว่าน่าจะเพียงพอในการใช้งาน นอกจากนั้นยะงมีตัวอ่าน microSD 1 ช่อง, พอร์ต HDMI 1 ช่อง, ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. 1 ช่อง
มาพร้อมกับอะเดปเตอร์ 65W มีขนาดเล็ก พกพาง่าย และน้ำหนักไม่เยอะ แต่เสียดายตรงที่สายชาร์จไม่ยาวเท่าไหร่ เวลาทำงานนอกสถานที่ หากต้องชาร์จแบตไปด้วย อาจจะต้องพกปลั๊กส่วนตัวไปด้วย
มีเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Fast Charging) ที่ช่วยให้สามารถชาร์จไฟได้ถึง 60% โดยใช้เวลาเพียง 49 นาที และเทคโนโลยยี ASUS Battery Health Charging ช่วยให้การชาร์จไฟปลอดภัยขั้น โดยการช่วยลดอัตราการขยายตัวของแบตเตอรี เพื่อช่วยทำให้แบตเตอรีทำงานเป็นปกติและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรีให้ยาวนานขึ้น 3 เท่า
มาพร้อมกับ Windows ของแท้
มาพร้อมกับ Windows 10 Home 64-bit ติดตั้งมาให้ในตัวเครื่อง เปิดเครื่องลงโปรแกรมนิดหน่อยพร้อมใช้งานได้เลย มีฟีเจอร์ครบครัว อัพเดท Windows 10 รุ่นใหม่ๆ ได้ด้วย
ในแง่การใช้งาน
ด้วยสเปกความแรงระดับนี้ จึงทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานเบาๆ อย่างพิมพ์งานใช้ Word, Excel ธรรมดาทั่วไป หรืองานที่ใช้ประสิทธิภาพเครื่องขึ้นมานิดหน่อยอย่าง ตกแต่งภาพด้วยโปรแกรม Lightroom, Photoshop หรือ illustrator ก็ใช้งานได้ สำหรับใครที่ชอบถ่ายคลิป ก็สามารถใช้งานโปรแกรมตัดต่อวิดีโอได้บนรุ่นนี้ได้ เพียงแต่ว่าคลิปที่ทำความยาวอาจจะได้แค่ระดับนึง ตัดคลิปเบาๆ พอไหว
ด้วยที่ตัวเครื่องมีการ์ดจอแยกมา จึงทำให้สามารถเล่นเกมที่ใช้กราฟฟิกสูงในระดับนึงได้ แต่ข้อความระวังคือ แม้จะเล่นได้ แต่ความร้อนก็มีเพิ่มขึ้นตามมา
ในแง่การรับชมภาพยนตร์หรือคลิปต่างๆ สามารถทำได้ดีเลยทีเดียว ระบบเสียงที่มาพร้อมกับ Harman Kardon ให้เสียงแบบ Stereo เสียงดัง มีมิติ ความการออกแบบที่ตัวเครื่องยกสูงจากพื้นทำให้เวลาเปิดดังลำโพงเสียงดังมากๆ เสียงก็ไม่แตก
ทีมงาน ASUS Golden Ear ได้พัฒนาเทคโนโลยี ASUS SonicMaster รุ่นล่าสุด จากการผสมผสานประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ที่ยอดเยี่ยมกับเทคโนโลยีเครื่องขยายเสียงอัจฉริยะที่มีการบิดเพี้ยนของคลื่นเสียงต่ำ ทำให้สามารถเพิ่มระดับความดังของเสียงได้ถึง 3.5 เท่า
ประสิทธิภาพ
มารพ้อมกับซีพียู Intel Core i7-8565U (Kaby Lake-R) 1.8GHz quad-core สามารถเพิ่มความเร็วให้เป็น 4.6GHz ในโหมด Turbo boost ตัวชิปกราฟิกที่มากับซีพียูเป็น Intel UHD Graphics 620 แรมให้มา 8GB LPDDR3 หน่วยความจำภายในเป็น 512GB PCIe 3.0 x2 SSD
ในแง่การใช้งานลื่นสุดๆ เปิดโปรแกรมหลายๆ โปรแกรมได้พร้อมกัน สลับโปรแกรมได้ไม่หน่วง ยิ่ง Chrome ยิ่งสามารถเปิดได้หลายแท็บ ไม่ต้องกังวล
การ์ดจอออนบอร์ดเป็น Intel UHD Graphics 620 ที่ประมวลผลกราฟฟิกระดับกลางๆ ได้สบายๆ แต่มีความพิเศษอีกอย่างคือ รุ่นนี้มาพร้อมกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX150 หน่วยความจำ 2GB GDDR5 ที่จะมาช่วยให้การเล่นเกมได้ลื่นไหลขึ้น ภาพความละเอียดกราฟฟิกได้สูงขึ้น และทำงานด้านกราฟฟิกได้ดีขึ้น ให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับการใช้ชิปประมวลผลกราฟิกมาตรฐานแบบใช้หน่วยความจำร่วมกันกับระบบหลัก
จากการใช้งานทั่วไปพบว่าแรม 8GB แทบจะไม่พอสำหรับการใช้งาน เปิดแค่ไม่กี่โปรแกรมแรมก็กินไปเกือบๆ 4GB แล้ว หากต้องการให้ทำงานได้ลื่นไหล ใช้งานได้หลายโปรแกรมพร้อมกัน อาจจะต้องเพิ่มแรมเป็น 16GB
ในส่วนของความร้อน จากการใช้งานในห้องแอร์ ความร้อนของเครื่องขณะรันโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพ ธรรมดาความร้อนของซีพียูอยู่ที่ 51 องศา ถ้าเครื่องมีความร้อนถึงระดับนึง พัดลมระบายความร้อนจะทำงานเอง
แบตเตอรี่เท่าที่ใช้งานพบว่าใช้งานได้ราวๆ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าใช้งานหนักแค่ไหน ถือว่าทำได้ไม่เลว เพราะมีฟังก์ชั่นชาร์จเร็วมาช่วยชดเชยตรงนี้
ผลทดสอบด้วยโปรแกรมอื่นๆ