“ชอบก็จีบเลยชอบก็จีบเลยเซ่ ชูวับ ชูวับ” แอะๆ ใครแอบแซะว่าเพลงเก่า? อยากบอกว่าวันนี้เรามีอะไรที่เก่ากว่านั้นมาบอก เก่าจริงจัง เก่าขนาดที่ว่าต้องย้อนเวลากลับไปในยุค 90s กันเลยทีเดียว!
ซึ่งในบทความนี้เราจัดเน้นๆ มาให้เฉพาะคนที่กำลังรับบทพิธีกร เอ้ย! รับบทจีบคนของใจที่กำลังหมายปองต้องใจอยู่ในตอนนี้ ใครที่กำลังเบื่อวิธีจีบแบบเดิมๆ ใช้มุกเดิมๆ ทำกิจกรรมเดิมๆ เป็นต้นว่าทักไปหา ชวนคุย พาไปเลี้ยงข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ชวนไปเล่นกีฬา ฯลฯ อยากเปลี่ยนมาใช้วิธีจีบแบบตื่นเต้นๆ แหวกแนวไม่ซ้ำใคร วันนี้เราเลยจะพาย้อนวันวานไปดู 8 วิธีจีบกันของคนรุ่นก่อน ย้อนไปไกลถึงสมัย 90s มาดูกันว่า หนุ่มๆ สาวๆ สมัยนั้นเขาจีบกันยังไง อินเทอร์เน็ตก็ไม่มี เทคโนโลยีก็ยังไม่มา แล้วเขารักกันได้ยังไงหว่า? ไปดูกัน!
8 วิธีจีบของหนุ่มสาวในยุค 90s
สวมบทนักเขียน
ในวัยที่กำลังเป็นนักเรียน ก็ขยันเขียนเข้าไปเยอะๆ อย่าง “สมชาย ม.5 รักสมหญิง ม.3” “จอย ม.6/2 มีคนแอบชอบ” “สายหยุด ม.1 น่ารักจัง” เขียนมันทุกที่ที่เขียนได้ ไม่ว่าจะบนโต๊ะเรียน โต๊ะกินข้าวในโรงอาหาร บนกระดานดำหน้าห้อง บนกำแพงห้อง หรือแม้กระทั่งฝาผนังห้องน้ำ หรือถ้าใครโชคดีมีเพื่อนช่วย (?) เป็นพ่อสื่อแม่ชัก คุณเพื่อนก็จัดให้ เขียนประโยคบอกรักหวานๆ ในสมุดของเจ้าตัวไปเลยจ้า
ขอเพลงหวานๆ จากรายการวิทยุ
จะจีบทั้งทีฟีลโรแมนติกมันต้องได้ ชอบคนไหนถูกใจคนไหน ก็รีบหาเพลงหวานๆ เนื้อเพลงโดนใจ แล้วจัดการไปขอให้รายการวิทยุเปิดเพลงนั้นให้ เผื่อจะได้ส่งความรักความคิดถึงผ่านสายลมไปให้เธอหรือเขาคนนั้นได้รับรู้ในคืนพระจันทร์เต็มดวง แล้วถ้าโชคดีอีกฝ่ายรับรู้ได้ก็ต้องมีเขินกันบ้างแหละน่า!
ฝากข้อความรักไปกับเพจเจอร์
ในยุค 90s ต้องบอกเลยว่าเป็นยุคที่ฮิตใช้เพจเจอร์กันมากๆ โดยจะนิยมใช้ส่งข้อความหากัน ซึ่งการส่งข้อความนั้นจะเป็นการฝากข้อความของเราไปกับโอเปอเรเตอร์ จากนั้นโอเปอเรเตอร์ก็จะสวมบทพ่อสื่อแม่ชัก ส่งต่อข้อความรักของเราไปยังเพจเจอร์ของเป้าหมาย เขินคนที่ชอบยังไม่พอ ยังต้องมาเขินโอเปอเรเตอร์อีกกกก
จดหมายรักปักใจเธอ
เป็นวิธีจีบที่โรแมนติกและคลาสสิกสุดๆ แล้ว กับการเขียนจดหมายบอกกล่าวความในใจ สมัยก่อนยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีไลน์ ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีแอปพลิเคชันหรือโซเชียลใดๆ มีแต่ใจที่รักจริง กับความในใจที่บรรจงเขียนลงบนกระดาษ ส่งเป็นจดหมายไปให้อีกฝ่ายได้เปิดอ่าน แต่กว่าจดหมายจะไปถึงก็ต้องใช้เวลาเป็นวันๆ กว่าจะรักกันได้ต้องใช้ทั้งเวลา สั่งสมบ่มเพาะความรักให้สุกงอม ใช้ทั้งความอดทน รอคอยจดหมายตอบกลับ รอคอยวันที่จะได้มาเจอกัน เพราะแบบนี้แหละความรักรุ่นพ่อรุ่นแม่ส่วนใหญ่ถึงได้มั่นคงและยืนยาว
ขออนุญาตจีบอย่างเป็นทางการ
จีบเล่นๆ ไม่ถนัด จีบแอบๆ ก็ไม่ชอบ มันต้องจีบแบบชัดเจน จีบให้เห็นอย่างเป็นทางการ ด้วยการส่งบัตรขออนุญาตจีบให้รู้กันไปเลยว่าชอบ ขอจีบได้ไหม ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีหลอกลวง ไม่มีอะไรใดๆ ในความหวังดี วิธีจีบแบบนี้สิน่ารักสุดๆ เรียกได้ว่าจีบแบบมีมารยาท มีการขอก่อนเป็นขั้นเป็นตอน ไม่จีบแบบจู่โจม ซึ่งบัตรขออนุญาตจีบก็จะเป็นลายการ์ตูนสีสันสดใส มีข้อความเขียนไว้ว่าขออนุญาตจีบ ขออนุญาตแอบรัก ฯลฯ น่ารักจริงอะไรจริง!
กลอนรักสัมผัสหัวใจ
งานนี้ต้องงัดฝีมือที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ของตัวเองออกมาสักหน่อย หาคำสวยๆ ความหมายดีๆ แต่งเป็นกลอนให้เจ้าตัวอ่านแบบหวานๆ ไปเลย อาจจะไม่จำเป็นต้องเน้นสัมผัสเป๊ะตามหลักการแต่งกลอนขนาดนั้น แต่แค่เป็นกลอนที่แต่งออกมาจากใจ ใครได้รับไปก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแล้วล่ะ
โชว์สกิลดีดกีตาร์
รู้หรือเปล่าว่าสกิลการเป็นหนุ่มสาวนักดนตรี ดีดกีตาร์ร้องเพลงได้ เขามีมาตั้งแต่ยุค 90s แล้วนะจ๊ะ สมัยนั้นใครที่มีความสามารถดีดกีตาร์ได้ ร้องเพลงเป็น บอกเลยว่าดูดีมีเสน่ห์ ดูเป็นหนุ่มเท่สาวเก่งสุดๆ ยิ่งถ้าไปดีดให้คนที่ชอบฟัง บวกกับเสียงร้องเพราะๆ ทำนองเพลงซึ้งๆ จะว่าเขินก็เขินแต่รับรองว่าได้ใจไปครึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน
คู่รักคู่กัด
ข้อนี้ดูจะแปลกแหวกแนวไปสักหน่อย แต่ไม่ว่าจะสมัยก่อนหรือตอนนี้ การมีคู่กัดเป็นของตัวเองก็ยังคงเป็นที่จับตามองของบรรดาเพื่อนๆ ที่ชอบแซวชอบจิ้นให้ลงเอยกันบ้างล่ะ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองบ้างล่ะ อยากบอกว่าสมัยก่อนก็ไม่ใช่เบาๆ คู่ไหนที่ชอบกัดกัน ชอบหาเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมสุดท้ายแล้วก็ลงเอยมาเป็นคู่รักกันทู้กกกกที! งานนี้ถ้าให้เดาคงเป็นเพราะว่ากัดกันบ่อยๆ เลยทำให้สนิทกัน กลายเป็นว่าได้เห็นตัวตนจริงๆ ของกันและกัน สุดท้ายก็เลยเกิดความเข้าใจและผูกพันกันไปเองในแบบที่ไม่ทันได้รู้ตัวแน่ๆ
ขอบคุณรูปภาพจาก