- สมัคร LazPayLater ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง
- สินเชื่อ Shopee SPayLater | ผ่อนของ Shopee ช้อปก่อนจ่ายทีหลัง
- โปรโมชันส่งฟรี Shopee เดือนนี้ ปี 2566
- Xiaomi Mi Speaker 3 ลำโพงบลูทูธตัวละ 249 บาท เสียงดีมาก
- Lazada Electronics แจกคูปอง 350.- คูปองเงินคืน 20% + คูปองส่งฟรี
- LazBEAUTY เครื่องสำอางลดราคา เงินคืนสูงสุด 50%
Asus ZenBook 13 เป็น Ultrabook รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว รูปลักษณ์ดูหรูหราตามสไตล์ ZenBook ตัวเครื่องพื้นผิวขัดมันวาววับ คล้ายคริสตัล นอกจากดีไซน์สวยแล้วยังพกพาได้สะดวก ตัวเครื่องหนาเพียง 13.9 มม. หนักเพียง 1.12 กก. ใช้งานได้หลากหลายทั้ง ตกแต่งภาพ ตัดต่อวิดีโอ การรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกม
Asus ZenBook 13 จะมีด้วยกัน 2 โมเดลคือ รุ่นที่มาพร้อมกับ Core i5-8250U ราคา 30,990 บาทและ รุ่นที่มาพร้อมกับซีพียู Core i7-8550U ราคาขาย 40,990 บาท โดยโมเดลที่เราจะรีวิวให้ชมกันคือรุ่น ZenBook 13 UX331U
ข้อมูลสเปก
- หน้าจอ 13.3″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 60Hz Anti-Glare Panel
- ซีพียู Intel Core i7 8550U (Kaby Lake-R)
- แรม 16 GB LPDDR3
- ชิปกราฟฟิก Intel UHD Graphics 620
- การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5 VRAM
- 512GB SATA 3.0 M.2 SSD
- แบตเตอรี่ 50 Wh
- น้ำหนัก 1.12 kg
- ลำโพง Stereo ที่พัฒนาร่วมกับ Harman Kardon
- มาพร้อมกับ Windows 10 Home 64-bit
- Wi-Fi 802.11ac (2×2)
- Bluetooth 4.2
- port เชื่อมต่อ
- 2 x Type-A USB 3.1 (Gen 1)
- 1 x Type-C USB 3.0 (USB 3.1 Gen 1)
- 1 x HDMI, HDMI support 1.4
- 1 x micro SD card
- 1 x audio jack combo
- คีย์บอร์ดเป็นแบบ Illuminated chiclet keyboard
- fingerprint sensor (ระบบสแกนลายนิ้วมือ) ที่รองรับ Windows Hello
ดีไซน์
มาพร้อมกับหน้าจอ NanoEdge ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง FHD 1920X1080 พิกเซล จุดเด่นของหน้าจอคือช่วยให้เห็นข้อความที่คมชัดและภาพที่สมจริงดูเป็นธรรมชาติ มี ASUS Splendid สำหรับปรับแต่งการแสดงผลของหน้าจอให้อยุ่ในโหมดการแสดงผลที่ต้องการ
โดยมี 4 โหมดการแสดงผลซึ่งคุณสามารถปรับแต่งได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว โหมดปกติ (Normal Mode) เหมาะสำหรับงานประจำวัน โหมดสดใส (Vivid Mode) ช่วยเพิ่มความคมชัดในการแสดงภาพและวิดีโอที่สวยงาม โหมดดูแลดวงตา (Eye Care Mode) ช่วยลดระดับแสงสีฟ้าได้ถึง 30% เพื่อลดความเครียดในดวงตา และโหมดปรับด้วยตนเอง (Manual Mode) ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งสีในแบบของคุณเองได้อย่างอิสระ
หน้าจอเปิดได้สูงสุด 178 องศา ที่สำคัญ
สีที่เรารีวิวเป็นสี Royal blue ซึ่งในไทยขายแค่สีนี้สีเดียว พื้นผิวตัวเครื่องถูกออกแบบให้มีความเงางาม คล้ายคลึงกับคริสตัล ใช้เทคนิคนาโนเทคโนโลยีที่คล้ายกับการสลักลายหินเป็นลวดลายวงกลมอันหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ของเซน
ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11ac แบบ dual-band ทำได้รวดเร็ว ด้วยความเร็วสูงสุด 867Mbps เร็วกว่า 802.11n ถึง 6 เท่า และ Bluetooth 4.2
อะเดปเตอร์สำหรับชาร์จแบตขนาดไม่ใหญ่ พแพาง่าย แต่สายชาร์จไม่ค่อยยาว อาจจะลำบากเวลาไปนอกสถานที่ เพราะต้องนั่งใกล้ๆบริเวณปลั๊กไฟ
ตัวแป้นพิมพ์เป็น backlit keyboard ขนาดมาตรฐานแบบชิ้นเดียว ดีไซน์ดูสวยงาม มีความทนทาน มีระยะกดอยู่ที่ 1.4 มม. พิมพ์สนุก ไม่ต้องออกแรงกดเยอะ ถ้าใครพิมพ์สัมผัสจะน่าจะชอบแป้นพิมพ์ต่ำๆ แบบนี้ ไม่ต้องยกนิ้วสูง พิมพ์ได้ต่อเนื่อง แต่ถ้าใช้เล่นเกมอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่
touchpad ขนาดค่อนข้างกว้าง ผิวสัมผัสดี มีความแม่นยำและลื่นในระดับนึง รองรับ Gesture สามารถใช้งานได้หลายนิ้ว ตาม จากการใช้งานแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ค่อยคล่องมือ อาจจะเพราะผมติด touchpad ของ Macbook ด้วย จึงเลือกใช้งานโดยการต่อเมาส์เอา แต่ที่ผมชอบคือมันมีฟีเจอร์กันฝ่ามือโดน touchpad โดยไม่ได้ตั้งใจ ลดการเคลื่อนที่ของเคอร์เซอร์โดยไม่ตั้งใจได้เยอะเลยทีเดียว
Port เชื่อมต่อต่างๆ
มาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C 3.1 จำนวน 1 ช่อง และ USB 3.1 จำนวน 2 ช่อง คิดว่าน่าจะเพียงพอในการใช้งาน นอกจากนั้นยะงมีตัวอ่าน microSD 1 ช่อง, พอร์ต HDMI 1 ช่อง
แบตเตอรี่
รุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรีลิเธียมพอลิเมอร์ขนาด 50 Wh ที่ออกแบบมาพิเศษทำให้ตัวเครื่องยังคงมีความเบาในแบบ Ultrabook แต่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ตามสเปกระบุว่าใช้งานได้นาน 14 ชั่วโมง และมีฟีเจอร์ชาร์จเร็ว โดยใช้เวลา 49 นาที ในการชาร์จไฟให้ได้ 60%
จากการใช้งานดูคลิปนาน 1 ชั่วโมงจากแบต 100% เหลือ 98%
ระบบเสียง
ลำโพงของตัวเครื่องอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นลำโพง 2 ตัว ให้เสียงแบบ Stereo ติดตั้งระบบเสียง Harman Kardon ไว้ในตัวเครื่อง ทำให้มีเสียงที่ทรงพลัง มีมิติ จากการทดลองฟังเสียง คุณภาพของเสียงดีเลยทีเดียว เสียงดัง แต่มีข้อเีสยคือถ้าเปิดดังแล้วเสียงมีความแตก เสียงความสั่นวัสดุบริเวณลำโพง
ทีมงาน ASUS Golden Ear ได้พัฒนาเทคโนโลยี ASUS SonicMaster รุ่นล่าสุด จากการผสมผสานประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ที่ยอดเยี่ยมกับเทคโนโลยีเครื่องขยายเสียงอัจฉริยะที่มีการบิดเพี้ยนของคลื่นเสียงต่ำ ทำให้สามารถเพิ่มระดับความดังของเสียงได้ถึง 3.5 เท่า
ประสิทธิภาพ
ZenBook 13 UX331U มารพ้อมกับซีพียู Intel Core i7-8550U (Kaby Lake-R) สามารถเพิ่มความเร็วให้เป็น 3.7GHz ในโหมด Turbo boost ตามสเปกแล้วตัว i7-8550U จะประสิทธิภาพดีกว่า i7-7500U ราวๆ 30% แลประหยัดพลังงานลงด้วย ตัวชิปกราฟิกที่มากับซีพียูเป็น Intel UHD Graphics 620 แรมให้มาถึง 16GB LPDDR3
นอกจากนั้น ในรุ่นนี้ยังเป็น Ultrabook ที่มาพร้อมกับกราฟฟิกแยก NVIDIA GeForce MX150 หน่วยความจำ 2GB GDDR5 ใช้งาน Windows 10 ลื่นๆ เพราะ Windows ถูกเก็บใน SSD ความจุ 512GB SATA 3.0 M.2
ในแง่การใช้งานลื่นสุดๆ เปิดโปรแกรมหลายๆ โปรแกรมได้พร้อมกัน สลับโปรแกรมได้ไม่หน่วง ยิ่ง Chrome ยิ่งสามารถเปิดได้หลายแท็บ ไม่ต้องกังวลว่าแรมจะเต็มหรือเปล่า เพราะให้มาถึง 16GB
มาพร้อมกับ Windows ของแท้
มาพร้อมกับ Windows 10 Home 64-bit ติดตั้งมาให้ในตัวเครื่อง เปิดเครื่องลงโปรแกรมนิดหน่อยพร้อมใช้งานได้เลย มีฟีเจอร์ครบครัว อัพเดท Windows 10 รุ่นใหม่ๆ ได้ด้วย
ในแง่การใช้งาน
ด้วยสเปกความแรงระดับนี้ จึงทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานเบาๆ อย่างพิมพ์งานใช้ Word, Excel ธรรมดาทั่วไป หรืองานที่ใช้ประสิทธิภาพเครื่องขึ้นมานิดหน่อยอย่าง ตกแต่งภาพด้วยโปรแกรม Lightroom, Photoshop หรือ illustrator ก็ใช้งานได้ สำหรับใครที่ชอบถ่ายคลิป ก็สามารถใช้งานโปรแกรมตัดต่อวิดีโอได้บนรุ่นนี้ได้ เพียงแต่ว่าคลิปที่ทำความยาวอาจจะได้แค่ระดับนึง ตัดคลิปเบาๆ พอไหว
ด้วยที่ตัวเครื่องมีการ์ดจอแยกมา จึงทำให้สามารถเล่นเกมที่ใช้กราฟฟิกสูงในระดับนึงได้ แต่ข้อความระวังคือ แม้จะเล่นได้ ก็ควรห่วงเรื่องความร้อนของตัวเครื่องด้วย เท่าที่ลองใช้งานพบว่าถ้าใช้งานกราฟฟิกหนักๆ ตัวเครื่องจะทำงานหนัก และร้อนเร็ว ทำให้พัดลมระบายความร้อนของตัวเครื่องทำงาน ซึ่งพัดลมระบายความร้อนเนี่ย เสียงค่อนข้างดังเลยทีเดียว
ในแง่การรับชมภาพยนตร์หรือคลิปต่างๆ สามารถทำได้ดีเลยทีเดียว ระบบเสียงที่มาพร้อมกับ Harman Kardon ให้เสียงแบบ Stereo เสียงดัง มีมิติ แต่ข้อเสียคือถ้าเปิดดังมากๆ ลำโพงมีเสียงแตกเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะตัวลำโพงอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง ทำให้เสียงที่ออกมาไปกระแทกกับพื้น