ในรีวิวก่อนหน้าเรารีวิว Asus ZenBook 13 ให้ชมกันไป คร่าวนี้ทาง Asus Thailand มีโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ลองทดสอบกัน รุ่นที่ว่าก็คือ Asus VivoBook S15 S350UN เป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว มาพร้อมกับแป้นพิมพ์แบบมาตรฐาน มี Numpad ติดมาให้ด้วย มีให้เลือกด้วยกัน 2 โมเดลคือรุ่นที่ใช้ซีพียู Core i5 และ Core i7 ซึ่งเป็น ซีพียู Intel Gen 8 ทั้งคู่
ความพิเศษของ VivoBook S15 S350UN นอกจากนั้นคือดีไซน์ของตัวเครื่อง ที่มีให้เลือกมากมายหลายสี รวมทั้งหมด 5 สีด้วยกัน คือ สีทอง Icicle Gold, สีโลหะ Gun Metal, สีเงิน Silver Blue, สีเทา Star Grey, สีเขียว Firmament Green (ไม่มีข้อมูลว่าในไทยวางขายสีไหนบ้าง)
ราคา
- รุ่น i5-8250U + HDD 1TB/SSD 128GB ราคา 24,990 บาท
- i7-8550U + HDD 1TB/SSD 256GB ราคา 29,990 บาท
โดยรุ่นที่เราจะรีวิวให้ชมกันในบทความนี้ก็คือ i5-8250U + HDD 1TB/SSD 128GB สีที่ได้มารีวิวคือสีเงิน Silver Blue ตัวเครื่องจะเป็นสีเงิน แต่ขอบด้านข้างตัวเครื่องจะตัดด้วยสีเหลือง ดูงดงามเข้ากันมาก
มาพร้อมกับหน้าจอ LED-backlit ขนาด 15.6” ความละเอียด Full HD (1920 x 1080) อัตราส่วนของภาพ 16:9 ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา มีเทคโนโลยี ASUS Eye Care ช่วยลดแสงสีฟ้าได้ถึง 30% แม้เป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่ด้วยเทคโนโลยี NanoEdge ที่ช่วยให้ขอบจอบางลงจากเดิมมาก โดยบางแค่ 7.8 มม. ทำให้อัตราเนื้อที่ของจอภาพต่อตัวเครื่องมากถึง 84%
นอกจากนั้นยังมี ASUS Splendid ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสิ่งที่แสดงออกมาจากจอภาพ ทำให้เราสามารถเห็นแต่ภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สามารถปรับแต่งโหมดตามเนื้อหาที่รับชม มีให้เลือก 4 โหมด ซึ่งเรียกใช้งานได้ในคลิกเดียว โหมดปกติ (Normal Mode) เป็นการปรับแต่งปกติที่ใช้ได้ทุกวัน โหมดสดใส (Vivid Mode) ช่วยเพิ่มความคมชัดให้ภาพหรือวิดีโอของคุณมีสีสันเต็มตา โหมดรักษาดวงตา (Eye Care Mode) ช่วยปรับลดแสงสีฟ้าได้ถึง 30% เพื่อลดความตึงเครียดที่จะเกิดกับดวงตาของเรา และโหมดปรับเอง (Manual Mode) ที่อนุญาตให้เราปรับแต่งค่าต่างๆ ของสีที่จะส่งออกมาทางจอภาพได้ด้วยตัวเอง
ASUS Tru2Life Video เป็นเทคโนโลยีปรับแต่งวีดีดโอแบบพิเศษ ที่เหมือนกับเทคโนโลยีที่พบใน TV ระดับสูง โดยใช้เทคโนโลยีอัลกอริทึมอัจฉริยะในการปรับแต่งความคมชัดและสีสันในทุกๆ เฟรม เพื่อภาพที่ชัดเจน มีรายละเอียดและสมจริงยิ่งกว่า เพราะเพิ่มระดับคอนทราสต์สูงขึ้นถึง 150% รายละเอียดที่ซ่อนอยู่จึงแจ่มชัด ในขณะที่ส่วนที่สว่างก็เจิดจรัสยิ่งกว่าเดิม
ความแตกต่างของโน้ตบุ๊ครุ่นนี้กับรุ่นทั่วไปคือเมื่อกางหน้าจอขึ้น ส่วนล่างของหน้าจอจะดันตัวเครื่องเอียงขึ้น 3.5 องศา มีชื่อเรียกเท่ๆ ว่าบานพับ ErgoLift ข้อดีของมันก็คือช่วยปรับมุมให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนอีกด้วย
ตัวหน้าจอกางออกได้กว้างสุด 145 องศา ตามภาพด้านล้าง
มาพร้อมกับ Backlit keyboard สามารถปรับความสว่างของไฟได้เอง ช่วยให้สามารถมองเห็นแป้นพิมพ์ สามารถทำงานในสภาพแสงน้อย แป้นพิมพ์ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โครงสร้างแข็งแรงทนทาน และมีระยะกดเพียง 1.4 มิลลิเมตร เพื่อการพิมพ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และมาพร้อมกับแป้นพิมพ์แบบมาตรฐาน มี Numpad ติดมาให้ด้วย
ปุ่ม Fn (Function) สำหรับควบคุมการทำงานต่างๆ ทำงานได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องกดปุ่มอะไรก่อน แต่ถ้าต้องการกดปุ่ม F1-F12 ต้องกดปุ่ม FB ค้างไว้แล้วกดปุ่มที่ต้องการ
ส่วน Touchpad ที่ให้มาทำงานได้ดี แต่ส่วนตัวคิดว่าใช้เมาส์ดีกว่า ตัว Touchpad ไม่กว้างเท่าที่ควร และการตอบสนองไม่ชินมือ อาจจะเพราะติด Macbook ด้วย และหากซื้อรุ่นที่เป็นซีพียู Intel Core i7 จะได้ระบบสแกนนิ้วอยู่ตรงมุมของ Touchpad มาด้วย ในรุ่นที่รีวิวเป็น Core I5 เลยไม่มีมาให้ น่าเสียดาย
ตัวปุ่มเปิดและปิดเครื่องออกแบบมาให้อยู่ริมสุด ต่างจากปุ่ม delete ทำให้หายห่วงว่าจะกดปุ่มผิด
มาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C (USB-C) 3.1 จำนวน 1 ช่อง พอร์ต USB 3.1 จำนวน 1 ช่อง พอร์ต USB 2.0 อีก 1 ช่อง พอร์ต HDMI ช่องต่อ 3.5 มม. และเครื่องอ่านการ์ด microSD
ปล. ไม่มี LAN มาให้นะครับ หากต้องการใช้งานอาจจะต้องซื้อ USB to LAN มาใช้แทน
ตัวอะแดปเตอร์ชาร์จแบตที่ให้มามีขนาดเล็ก พกพาง่าย และน้ำหนักไม่เยอะ แต่เสียดายตรงที่สายชาร์จไม่ยาวเท่าไหร่ เวลาทำงานนอกสถานที่ หากต้องชาร์จแบตไปด้วย อาจจะต้องพกปลั๊กส่วนตัวไปด้วย
มีเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Fast Charging) ที่ช่วยให้สามารถชาร์จไฟได้ถึง 60% โดยใช้เวลาเพียง 49 นาที และเทคโนโลยยี ASUS Battery Health Charging ช่วยให้การชาร์จไฟปลอดภัยขั้น โดยการช่วยลดอัตราการขยายตัวของแบตเตอรี เพื่อช่วยทำให้แบตเตอรีทำงานเป็นปกติและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรีให้ยาวนานขึ้น 3 เท่า
ตัวเครื่องในมุมอื่นๆ
ประสิทธิภาพ
VivoBook S15 มาพร้อมกับซีพียู Intel Core i5-8250U 1.6GHz quad-core with Turbo boost (up to 3.4GHz) 6MB cache ตัวซีพียูเหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป จนถึงงานที่ต้องใช้การประมวลผลในระดับนึง ส่วนแรมให้มา 8GB 2400MHz เป็น DDR4 หน่วยความจำเป็น SSD 128GB SATA สำหรับลง Windows โดยลง Windows 10 Home ลิขสิทธิ์แท้มาให้ และ HDD ความจุ 1TB มาให้ด้วย
การ์ดจอออนบอร์ดเป็น Intel UHD Graphics 620 ที่ประมวลผลกราฟฟิกระดับกลางๆ ได้สบายๆ แต่มีความพิเศษอีกอย่างคือ รุ่นนี้มาพร้อมกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX150 หน่วยความจำ 2GB GDDR5 ที่จะมาช่วยให้การเล่นเกมได้ลื่นไหลขึ้น ภาพความละเอียดกราฟฟิกได้สูงขึ้น และทำงานด้านกราฟฟิกได้ดีขึ้น ให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับการใช้ชิปประมวลผลกราฟิกมาตรฐานแบบใช้หน่วยความจำร่วมกันกับระบบหลัก
จากการใช้งานทั่วไปพบว่าแรม 8GB แทบจะไม่พอสำหรับการใช้งาน เปิดแค่ไม่กี่โปรแกรมแรมก็กินไปเกือบๆ 4GB แล้ว หากต้องการให้ทำงานได้ลื่นไหล ใช้งานได้หลายโปรแกรมพร้อมกัน อาจจะต้องเพิ่มแรมเป็น 16GB
ในส่วนของความร้อน จากการใช้งานในห้องแอร์ เปิดดูคลิปใน youtube ธรรมดาความร้อนของซีพียูอยู่ที่ 35 องศา การ์ดจอออนบอร์ดความร้อนก็อยู่ราวๆ 34 องศา แต่ถ้าเล่นไปพร้อมกับชาร์จแบต ความร้อนของตัวเครื่องโดยรวมก็จะสูงขึ้นด้วย ถ้าเครื่องมีความร้อนถึงระดับนึง พัดลมระบายความร้อนจะทำงานเอง
แบตเตอรี่เท่าที่ใช้งานพบว่าใช้งานได้ราวๆ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าใช้งานหนักแค่ไหน ถือว่าทำได้ไม่เลว เพราะมีฟังก์ชั่นชาร์จเร็วมาช่วยชดเชยตรงนี้