ในปีนี้ซัมซุงได้วางขายตระ Galaxy J ในไทยทั้งหมด 3 รุ่น คือ Galaxy J7 Pro, Galaxy J7 Prime และน้องเล็ก Galaxy J7 Core โดยรุ่นที่จะรีวิวให้ชมกันในบทความนี้คือ J7 Core น้องเล็กสุดของตระกูลที่มาพร้อมกับสเปกไม่แพ้รุ่นพี่ แตกต่างจาก J7 Pro เพียงแค่ไม่รองรับ Samsung Pay ไม่มี always on display และไม่มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ
สำหรับ Galaxy J7 Core จะหน้าจอ sAMOLED 5.5 นิ้ว ชิป Exynos Octa Core 1.6GHz แรม 2GB รองรับ 2 ซิม รองรับ 3G, 4G และสามารถใช้ฟีเจอร์ VoLTE หรือการโทรผ่าน Wi-Fi มีวางขาย 2 สี ดำกับทอง ราคา 7,290 บาท ขายทุกที่ทั่วประเทศ
ข้อมูลสเปก
ขนาดหน้าจอ | 5.5″ HD sAMOLED |
ความถี่ที่รองรับ | 3G :B1(2100),B2(1900),B5(850),B8(900) 4G FDD LTE : B1(2100),B3(1800),B5(850),B7(2600),B8(900),B20(800) 4G TDD LTE : B40(2300) |
CPU | Exynos Octa Core 1.6GHz (64bit) |
RAM | 2 GB |
หน่วยความจำของเครื่อง | 16 GB |
SD รองรับสูงสุด | Micro SD Card Up to 256GB |
ชนิดของซิม | 2 ซิม Mircro Sim |
ความละเอียดกล้องหน้า | 5MP(F2.2) with LED Flash + Display Flash |
ความละเอียดกล้องหลัง | 13MP(F1.9) AF LED Flash |
วีดิโอ | Recording : FHD (1920 x 1080) | @30fps Playback : FHD (1920 x 1080) | @30fps |
ความจุแบตเตอรี่ | 3,000mAh |
น้ำหนัก/ขนาด | 152.4 x 78.6 x 7.6 |
การรองรับ OTG | Yes USB 2.0 |
การรองรับ MHL | No |
การรองรับ NFC | No |
วัสดุที่ใช้ผลิต | Polycarbonate with Metallic Pattern |
Sensor | Accelerometer,Proximity Sensor |
การรองรับ Gear | TBC |
Bluetooth Version | Bluetooth v4.1 |
Wi-Fi | 802.11 b/g/n 2.4GHz |
สำรวจตัวเครื่อง
หน้าจอ Super AMOLED 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 720p สีสันของหน้าจอจะสดตามแบบฉบับของหน้าจอ Super AMOLED
กล้องหน้าให้มา 5MP รูรับแสง F2.2 มี LED Flash และมีฟีเจอร์ Display Flash มีโหมดหน้าเนียนมาให้ คุณภาพกล้องหน้าอยู่ในระดับกลางๆ ถ้าเทียบกับกล้อง OPPO, Vivo ในราคาระดับเดียวกันไม่ได้
ปุ่มควบคุมเป็นแบบสัมผัส มีปุ่มโฮมแบบกดแยกออกจากหน้าจอแสดงผล
ด้านล่างมีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องต่อ micro USB และรูไมโครโฟน
ด้านบนของตัวเครื่อง
ด้านข้างมีปุ่มเพิ่มลดเสียง ตัวเครื่องมีความหนา 7.6 มม.
อีกด้านจะมีช่องสำหรับแกะฝาหลัง และปุ่มสำหรับเปิดและปิดเครื่อง
ฝาหลังเป็นพลาสติกมีความนึด ทำให้จับถนัดมือ และไม่เกิดคราบรอยนิ้วมือ งานประกอบของเครื่องอยู่ในระดับที่ดี วัสดุดูแข็งแรง
ตัวกล้องให้มาความละเอียด 13MP รูรับแสง F1.9 มี auto Focus และ LED Flash
รองรับ 2 ซิมขนาด micro SIM และเพิ่ม microSD ได้ แบตเตอรี่ 3000 mAH สามารถถอดได้
ซอฟแวร์
อินเตอร์เฟสที่ใช้ในรุ่นนี้ทางซัมซุงพัฒนาขึ้นมาใหม่ แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่นเรือธง หน้าตาสวยงามขึ้น ใช้งานง่ายขึ้นตัวระบบปฏิบัติการเป็น Android 7.0 จากการที่ใช้งานพบว่าการตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีอาการหน่วงเวลาใช้งานพอสมควร ยิ่งเวลาสลับแอพไปมาก็ทำได้ค่อนข้างช้า บางทีก็เจออาการค้างไปเลย ช่วงที่เปิดเครื่องมาใหม่ๆ ทีก็ใช้งานได้ปกติ ไม่ถือว่าลื่นมาก แต่ไม่หน่วงก็โอเคละ แต่จะให้ restart เครื่องทุกครั้งที่หน่วงก็ไม่ไหว
ฟังก์ชั่นห้ามรบกวน เป็นฟังก์ชั่นสำหรับจัดการเสียงแจ้งเตือน และเสียงริงโทน ในยามที่เราไม่ต้องการเสียง เช่นเวลานอน เราก็ตั้งไว้ว่า ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม จนถึง 6 โมงเช้า ห้ามแจ้งเตือน ปิดเสียงทุกอย่าง
Smart Manager ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น Device maintenance แต่คุณสมบัติต่างๆ ยังคล้ายเดิม คือเป็นตัวจัดการทรัพยากรในเครื่อง อย่างแบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล), จัดการแรมของเครื่อง และระบบป้องกันอุปกรณ์
Multi-Window ฟังก์ชั่นที่อยู่กับซัมซุงมานาน ช่วยให้เราสามารถแบ่งหน้าจอมือถือเป็น 2 จอ สามารถใช้งาน 2 แอพได้พร้อมกัน (บางแอพไม่รองรับ)
มีฟังก์ชั่นสำรับใช้งานมือถือ เปิดใช้งานง่ายมาก โดยการกดการลากนิ้วบริเวณมุมขวาล่าง หรือกดปุ่ม Home 3 ครั้ง สามารถย่อขยายขนาดหน้าจอได้ สลับไปมาระหว่างซ้ายกับขวาได้
ด้านการเล่นเกม ผมได้ลองทดสอบ 2 เกมดังอย่าง Seven knights และ Lineage2 Revolution พบว่าทั้งสองเกมทำได้ไม่ค่อยดีหนักทั้งหน่วง และกระตุก ยกตัวย่างเกม Seven knights ภาพแรกเป็นเกมตอนที่ยังไม่ปรับลดความละเอียดของกราฟฟิกเกม ภาพสวยจริง แต่กระตุกจนแทบเล่นไม่ได้ สุดท้ายต้องปรับไปที่ความละเอียดต่ำสุด (ภาพที่สอง) ก็ยังคงมีหน่วงๆ อยู่ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าตอนที่ไม่ปรับ
หากใครชอบเล่นเกม และคิดจะซื้อรุ่นนี้มาเล่นเกม ไม่แนะนำครับ
แบตเตอรี่ถืออว่าอึดพอสมควร ได้ทดสอบเปิดเกม Seven knights ไว้ 3 ชั่วโมง 16 นาที แบตยังเหลือ 47% เลยทีเดียว ปกติเปิดเกมติดตั้งกัน 3 ชั่วโมงแบตก็เกือบหมดแล้ว
ภาพจากกล้อง
กล้องหน้า
กล้องหลัง