วัตสัน ประเทศไทย เปิดวิสัยทัศน์ครึ่งปีหลัง 2022 เดินหน้ากลยุทธ์ O+O Platform

- WS 1 - ภาพที่ 1

วัตสัน ประเทศไทย ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย รุกตลาดรีเทลครึ่งปี 2022 ชูกลยุทธ์ O+O Platform (Offline plus Online) เชื่อมต่อประสบการณ์การชอปปิงแบบไร้รอยต่อ พร้อมเดินหน้าเป็น The best of “both worlds” ยกระดับประสบการณ์การชอปปิงทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ครอบคลุมการซื้อสินค้าในทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัล ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาด Health & Beauty รวมไปถึงการเสนอแนวคิด ‘The New Beautiful’ นิยามความงามรูปแบบใหม่ สนับสนุนในทุกความสวยงาม ยอมรับในทุกความต่าง ก้าวข้ามมาตรฐานความงามแบบเดิมๆ (beauty standard) เพื่อปลุกความมั่นใจให้กับทุกลุคที่เป็นตัวเอง เสริมสร้างพลังและศักยภาพ ให้ตัวเอง Look Good. Do Good. Feel Great. เปล่งประกายความมั่นใจจากภายในสู่ภายนอก

- WS 2 - ภาพที่ 3

นายพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงครึ่งปีหลัง 2022 เรายังคงสานต่อพันธกิจ เติมเต็มรอยยิ้มให้ลูกค้าจากวันนี้สู่วันพรุ่งนี้และในทุกๆ วัน โดยผลักดันกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลด้วยความเข้าใจ พร้อมปลุกแนวคิด “The New Beautiful” กับนิยามความงามรูปแบบใหม่ที่เปิดรับคุณค่าความสวยงามอันหลากหลายของผู้คน สะท้อนรูปลักษณ์ บุคลิกภาพและความมั่นใจโดยไม่จำกัดเพศ วัย ไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้ชีวิต ผลักดันให้ผู้บริโภคก้าวข้ามภาพจำ Beauty Standard แบบพิมพ์นิยม และส่งเสริมคุณค่าความงามที่เป็นตัวเอง ให้ตัวเอง Look Good. Do Good. Feel Great เปล่งประกายความมั่นใจจากภายในสู่ภายนอก

ในส่วนของวัตสันเอง มุ่งมั่นส่งเสริมให้ทุกคนเห็นคุณค่าและความงามตามแบบฉบับและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ผ่านสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงามที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตรูปแบบต่างๆ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจกับแนวคิด The New Beautiful เพื่อความงามที่หลากหลายต่อไป”

“นอกจากนี้ วัตสัน ยังคงสานต่อบทบาทในฐานะร้านสุขภาพและความงามอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยกลยุทธ์ O+O Platform เน้นสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อหน้าร้านและออนไลน์ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ชอปปิ้งได้ทุกช่องทาง จากทุกที่ ทุกเวลา โดยลูกค้าที่ใช้จ่ายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ (O+O) มีการใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าที่ซื้อเฉพาะหน้าร้านถึง 3 เท่า โดย 3 อันดับของหมวดหมู่สินค้าที่มีการเติบโตทางออนไลน์มากที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่ Haircare, Health & Fitness และ Derma Skincare และจากกลยุทธ์ O+O Platform ทำให้เรามั่นใจเดินหน้าเพื่อเตรียมขึ้นแท่นเป็น The best of “both worlds” ที่เชื่อมต่อสุดยอดประสบการณ์การชอปปิงจากทั้งหน้าร้านและวัตสันออนไลน์ โดยตั้งเป้าสร้างมาตรฐานสูงสุดอย่างต่อเนื่องในตลาดด้านสุขภาพและความงามที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน”

“สำหรับประสบการณ์การชอปปิงรูปแบบใหม่ที่จะติดอาวุธให้วัตสัน ประเทศไทย มีสัมพันธภาพที่ดีกับทางลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดและแน่นแฟ้นมากขึ้นนั้น เรายังคงมุ่งเน้นการให้บริการแบบ Customer Obsessed ในการตอบสนองความพึงพอใจและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการจับจ่ายของลูกค้าที่สามารถใช้บริการของวัตสันได้ทุกที่ทุกเวลา เพิ่มเติมจากบริการ Chat & Shop ที่มี 350 สาขา นอกเหนือจากนี้ ที่ผ่านมาเราได้จับมือกับ Food Panda รุกตลาด Quick Commerce เพื่อเติมเต็มความต้องการลูกค้าที่มองหาความสะดวก รวดเร็ว และสามารถชอปได้ตลอดเวลาตามความต้องการ หรือการจับมือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับ SkinX แพลตฟอร์มพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์แบบครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาด้านผิวพรรณจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถรับยาได้ที่วัตสันได้ง่ายขึ้น”

นายพสิษฐ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับสมาชิกวัตสันในประเทศไทย ปัจจุบัน เรามีจำนวนสมาชิกกว่า 7 ล้านคนทั่วประเทศ และ วัตสันจะยังคงเดินหน้าเติมเต็มรอยยิ้มให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเราพบว่าผู้บริโภคชาวไทยมีความพร้อมในการเข้าสู่ไลฟ์สไตล์การชอปปิงผ่านโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้จากการใช้ Member Virtual Card ผ่านแอปฯ Watsons TH ที่รับเสียงตอบรับที่ดีจากสมาชิกวัตสันอย่างมีนัยสำคัญ และในเร็วๆ นี้วัตสันได้เตรียมยกระดับสร้างประสบการณ์ชอปปิงให้กับเหล่าสมาชิกทั้งในแง่ของประสบการณ์ใหม่ๆ และในแง่ความคุ้มค่าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันมากขึ้น”

“ในส่วนผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของวัตสันนั้น (Watsons Own Brand) เราไม่เคยหยุดนิ่ง และยังคงเดินหน้านำนวัตกรรมต่างๆ มาปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มผู้บริโภค และแนวโน้มความต้องการของตลาด อันได้แก่ การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ยืนหยัดด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ในราคาที่คุ้มค่าและจับต้องได้ พร้อมกับเพิ่มพื้นที่ให้กับตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ วัตสันให้ความสำคัญกับตลาดการดูแลผิวและความงามสำหรับผู้ชายมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไป คำว่าสุขภาพและความงาม และการดูแลตนเองให้ดี ยุคนี้มีลูกค้าผู้ชายที่ใส่ใจภาพลักษณ์เเละดูเเลตัวเองเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก”

“และเพื่อเป็นการขานรับกับนโยบายระดับโลกในด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมตาม ‘Social Purpose and 2030 Sustainability Vision’ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์และพันธกิจสำคัญของ A.S. Watson Group เรายังคงให้ความสำคัญด้าน Look good. Do good. Feel great” โดยตอกย้ำด้าน Do good ผ่านผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนที่เรียกว่า Sustainable Choices ซึ่งเป็นสินค้าทางเลือกใหม่ โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายปี 2020 ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องการเฟ้นหาส่วนผสมที่ดีกว่า บรรจุภัณฑ์ที่ดีกว่า ส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพผ่านการทดสอบและผ่านขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ในการดำเนินธุรกิจที่มีความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมในพันธกิจนี้กับบุคลากร และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจต่างๆ ในการเดินทางไปบนเส้นทางแห่ง Sustainability ร่วมไปกับเราอีกด้วย”

“สุดท้ายนี้ สำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ที่ วัตสัน ประเทศไทย เดินหน้าสานต่อมาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การจำหน่ายโบว์สีเขียว ภายใต้แคมเปญ “Watsons Green Ribbons” ซึ่งจัดขึ้นอย่างเป็นประจำต่อเนื่องทุกปีเป็นเวลา 16 ปีเพื่อมอบเงินรายได้ให้แก่สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กและสตรีที่ประสบปัญหาทั้งร่างกายและจิตใจในประเทศไทย ตลอดจนแคมเปญ Give a Smile ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการผ่าตัดให้เด็กที่มีความผิดปกติด้านปากแหว่งเพดานโหว่ โดยในปัจจุบัน สามารถคืนรอยยิ้มสู่เด็กๆ เหล่านี้ได้มากกว่า 33 คนแล้ว วัตสันจะยังคงมุ่งมั่นสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียม รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้ทุกคนดูดี ตระหนักในคุณค่าของตัวเอง รู้สึกดีต่อตนเอง คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันกับเรา” นายพสิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย