- สมัคร LazPayLater ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง
- สินเชื่อ Shopee SPayLater | ผ่อนของ Shopee ช้อปก่อนจ่ายทีหลัง
- โปรโมชันส่งฟรี Shopee เดือนนี้ ปี 2566
- Xiaomi Mi Speaker 3 ลำโพงบลูทูธตัวละ 249 บาท เสียงดีมาก
- Lazada Electronics แจกคูปอง 350.- คูปองเงินคืน 20% + คูปองส่งฟรี
- LazBEAUTY เครื่องสำอางลดราคา เงินคืนสูงสุด 50%
อย่างที่เป็นข่าวกัน ว่าทาง Xiaomi ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อของสมาร์ทโฟน โดยตัดชื่อแบรนด์ Mi ออก เหลือแค่ Xiaomi และตามด้วยชื่อรุ่นอย่างเดียว ประจวบกับล่าสุดได้มีการเปิดตัว Xiaomi 11 Series ในไทยอย่างเป็นทางการ ประเดิมด้วย 3 รุ่น Xiaomi 11T Pro, Xiaomi 11T และ Xiaomi 11 Lite 5G NE ซึ่งในบทความนี้เราจะ รีวิว Xiaomi 11 Lite 5G NE ให้ชมกัน
ขอย้อนกลับไปเมื่อช่วงเมษายน 2564 ที่ผ่านมา Xiaomi ได้เปิดตัว Mi 11 Lite พร้อมวางขายในไทยที่ราคา 8,999 บาท มากับหน้าจอขนาด 6.55 นิ้ว แบบ AMOLED DotDisplay และเทคโนโลยีการแสดงผลสีแบบ 10 บิต แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี พร้อมด้วย DCI-P3 color gamut ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 732G ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี และที่ต้องย้อนเพราะว่าในรุ่น Xiaomi 11 Lite 5G NE ที่กำลังจะรีวิวให้ชม เป็นการต่อยอดมาจาก Mi 11 Lite อีกที
Xiaomi 11 Lite 5G NE มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Own Your Style” เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์บางและน้ำหนักเบา แต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพระดับสมาร์ทโฟนแฟลกชิป ตัวหน้าตา และดีไซน์ก็จะมีความคลายกันมาก Xiaomi 11 Lite 5G NE มาพร้อมกับความบางเบาเพียง 6.81 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 158 กรัม มีขอบด้านบนและด้านข้างบางเฉียบเพียง 1.88 มิลลิเมตร มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี อย่าง สีดำ White Truffle Black, สีฟ้า Bubblegum Blue และสีชมพู Peach Pink ที่กลับมาอีกครั้งในรุ่นนี้และสีใหม่ล่าสุดจากเสียวหมี่อย่าง สีขาว Snowflake White สวยงามราวกับหิมะที่เพิ่งตก
Xiaomi 11 Lite 5G NE ราคาเริ่มต้น 10,990 บาท วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2564 โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ White Truffle Black, สีฟ้า Bubblegum Blue และสีชมพู Peach Pink และสีใหม่ล่าสุด สีขาว Snowflake White
- รุ่นความจุ 8GB+256GB: ราคา 13,990 บาท วางจำหน่ายผ่าน Lazada, JD Central และ Shopee เท่านั้น
- รุ่นความจุ 8GB+128GB: ราคา 11,990 บาท วางจำหน่ายที่ Xiaomi Store ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์
- รุ่นความจุ 6GB+128GB: ราคา 10,990 บาท วางจำหน่ายผ่าน Lazada, JD Central และ Shopee เท่านั้น
ช่องทางสั่งซื้อ
พิเศษ! เมื่อ Pre-Order Xiaomi 11 Lite 5G NE ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน – 1 ตุลาคม 2564 รับฟรี Special Designer Boxset โดย Yoon Phannapast หรือยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล มูลค่า 2,990 บาท ประกอบไปด้วยเคสสมาร์ทโฟน Xiaomi 11 Lite 5G NE, หูฟัง Mi True Wireless Earphone Basic 2 และเคสหูฟัง
รีวิว Xiaomi 11 Lite 5G NE ราคาเริ่มต้น 10,990 บาท
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- Adapter ชาร์จเร็ว 33W
- USB Type-C Cable รองรับชาร์จเร็ว
- SIM Eject Tool
- Type-C to 3.5 mm Headphone Adapter
- เคสใส่
- คู่มือการใช้งาน
- คู่มือการรับประกัน
- ใบรับประกัน
- ใบรับรองเรื่องความปลอดภัย
สำรวจตัวเครื่อง
มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED DotDisplay ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล 402 ppi รองรับ TrueColor ระดับ 10-bit แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี พร้อมด้วย DCI-P3 color gamut ให้สีสันคมชัด สวยงามและการเปลี่ยนการแสดงผลสีที่เป็นธรรมชาติไม่ว่าจะมองจากมุมมองใด หน้าจอคิดเป็น 85.3% ของขนาดตัวเครื่อง
เสริมความแข็งแรงด้วยการมาพร้อมกระจก Corning® Gorilla® Glass 5 รองรับ HDR10+ ที่ช่วยให้ภาพมีคอนทราสต์มากขึ้น มอบประสบการณ์การรับชมที่สวยงามสมจริง อัตรารีเฟรช 90Hz สามารถปรับได้ 2 ระดับคือ 60Hz กับ 90Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ 240 Hz
นอกจากนั้นยังรองรับ Dolby Vision ให้คุณภาพแสงและสีสันที่งดงาม ที่มาพร้อมกับความสว่าง ความคมชัดและความละเอียด
เป็นหน้าจอที่แสดงผลให้สีสันสวยงามสมจริงมากๆ ให้อรรถรสในการรับชมภาพยนตร์หรือดูคลิปแม้กระทั่งเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยหน้าจอที่สีสันสดใส ให้สีที่ตรง ตามสเปกบอกว่า sRGB 100% ซะด้วย ทำให้การรับชม Content ของเราสนุกยิ่งขึ้น และหน้าจอที่ขนาดใหญ่ถึง 6.55 นิ้วขอบจอที่บางทำให้เครื่องที่ใหญ่โดยที่ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่ตาม ทำให้ถือถนัดมือ ลองให้น้องที่ออฟฟิศลองใช้งานยังบอกว่า ตัวเครื่องเบามากๆ
กล้องหน้าอยู่มุมซ้ายบน ความละเอียด 20 MP, f/2.24, 27mm (wide), 1/3.4″, 0.8µm รองรับทำงานร่วมกับ AI Face Unlock ตัวกล้องหน้ามีโหมดให้ใช้งานได้หลากหลายพอสมควร จุดเด่นคือโหมดกลางคืนสามารถถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ค่อนข้างดี
แต่ภาพตอนกลางวันจากที่ลองใช้งานพบว่ายังมีสีเพี้ยนและตัว AI Beautify ปรับความสว่างของสีผิดเพี้ยนไปนิดหน่อย เช่นเวลาใส่เสื้อสีขาวถ่ายรูป ตัวกล้องจะปรับเสื้อสีขาวจะสว่างสว่างชนิดที่ว่าเหมือนตัวออกแสง สว่างจนแสบตา ดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าใส่สีอื่นก็ถ่ายออกมาได้สวยเลยนอกจากนั้นกล้องหน้ายังมี Time-lapse selfieในโหมดการถ่ายวีดีโออีกด้วย
ส่วนช่องตรงกลางด้านบนของจอ นอกจากจะเป็นลำโพงสำหรับสนทนาแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นลำโพงตัวที่ 2 ทำงานร่วมกับลำโพงอีก 1 ตัวที่อยู่ด้านล่างเครื่อง แบบสเตอริโอ ทำให้การฟังเพลงของเรามีมิติมากขึ้น เสียงที่คมชัด ดังกังวานขึ้น
ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสรวมอยู่ในหน้าจอแสดงผลมี 3 ปุ่มด้วยกัน คือ ปุ่ม Recent App ปุ่มโฮมและปุ่มย้อนกลับ ซึ่งเราสามารถสลับตำแหน่งของปุ่มซ้ายและขวาได้จากเมนูตั้งค่าของตัวเครื่อง หรือจะใช้งานแบบซ่อนปุ่มเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลก็ได้เช่นกัน
ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด มีเข็มจิ้มซิมแถมมาในกล่องให้ ใส่ได้ 2 ซิม แบบนาโนซิม SIM 1 + Hybrid (SIM or MicroSD) รองรับ 5G/4G/3G/2G
- 5G NR: n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n41/n66/n77/n78
- 4G: FDD-LTE Band 1/2/3/4/5/7/8/12/13/17/18/19/20/26/28/32/66
- 4G: TDD-LTE Band 38/40/41/42
- 3G: WCDMA Band 1/2/4/5/6/8/19
- 2G: GSM:2/3/5/8
ถัดไปจะเป็นรูสำหรับไมโครโฟนใช้สำหรับสนทนา ตรงกลางจะเป็นช่อง USB Type C ใช้สำหรับชาร์จแบตและเชื่อมต่อข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยรุ่นนี้จะไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ แต่ในกล่องจะแถม Adapter USB Type C to 3.5 Jack มาให้
นอกจากนั้นตัวเครื่องยังรองรับ fast charging ที่ 33W โดยในกล่องจะแถมอแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33 วัตต์มาให้ ถัดไปสุดท้ายจะเป็นลำโพงของตัวเครื่องทำงานร่วมกับลำโพงที่อยู่บนหน้าจอ เป็น Dual speakers
จุดเด่นของรุ่นนี้คือตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้มีความบางมากโดยมีความบางอยู่ที่ 6.81 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่าบางมากๆ สำหรับมือถือในยุคนี้ เพราะส่วนมากไม่เน้นเรื่องความบางกันแล้ว ทำให้มือถือที่มีขายในท้องตลาดจะหารุ่นที่ดีไซน์บางๆ แบบนี้ยาก และตัวเครื่องที่ขนาดน้ำหนักเพียงแค่ 158 กรัม สะดวกทั้งการถือและพกพา น้ำหนักก็เบา ขอบด้านข้างออกแบบมาให้รับกับองศาของมือ ทำให้จับถนัดมือ และรุ่นนี้ถือเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่เบาและบางที่สุดของเสียวหมี่
ด้านข้างของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียง ถัดมาจะเป็นปุ่ม power สำหรับเปิดและปิดเครื่อง โดยตัวปุ่มจะมีเซ็นเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือรวมอยู่ด้วย ไม่ต้องกดแค่นิ้วแตะก็สามารถสแกนได้เลย โดยตำแหน่งของปุ่มหากถือด้วยมือซ้าย ตัวปุ่มจะพอดีกับนิ้วชี้ ถ้าถือด้วยมือขวาก็จะตรงกับนิ้วโป้งพอดี
ในแง่การใช้งานปุ่มสแกนนิ้ว เท่าที่ทดสอบดูตัวเซ็นเซอร์ทำงานได้เร็ว เอานิ้วแตะแล้วสแกนติดทันที เพียงแต่ว่าการวางองศาในการตั้งค่าในตอนแรกสำคัญ เพราะจะส่งผลตอนสแกนปลดล็อคพอสมควร อาจจะต้องพยายามวางองศาของนิ้วในการตั้งค่าหลายๆ มุม หรือเป็นมุมที่เราถนัดจริงๆ เพื่อที่การใช้งานจริง จะแตะแล้วสแกนติดได้เร็ว
ส่วนฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่องจะเป็นดีไซน์เรียบๆไม่มีการจัดวางปุ่มใดๆอยู่
การรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย
- Wi-Fi 6, Wi-Fi 5,Wi-Fi 4 and 802.11a/b/g
- WiFi Direct, WiFi Display
- Bluetooth 5.2
ระบบนำทางและ GPS
- GPS: L1+L5
- GLONASS: G1, Galileo: E1+E5a
- Beidou: B1I + B1C+ B2a, QZSS: L1 + L5, NavIC: L5
เซ็นเซอร์ของตัวเครื่อง
Proximity sensor | Ambient light sensor | Accelerometer | Gyroscope | Electronic compass | Linear motor | IR blaster
ตัวเครื่องที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นสีใหม่ล่าสุดจากเสียวหมี่ นั้นคือ สีขาว Snowflake White สวยงามราวกับหิมะที่เพิ่งตก ซึ่งตัวเครื่องหรือลวดลายของตัวเครื่องออกแบบมาให้ดูเหมือนกับหิมะกำลังตกดูสวยงามมากๆ
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ สีขาว Snowflake White ที่สวย สีอื่นๆ ก็สวยเหมือนกัน เรียกว่าสีโดนใจสาวๆ โดนใจวัยรุ่นวัยใสแน่นอน
มีแบตเตอรี่ขนาด 4250mAh และมาพร้อมกับระบบฟาสชาร์จ 33W ที่สามารถชาร์จให้เต็มได้ภายในระยะเวลารวดเร็ว ดูวีดีโอได้นาน 16 ชั่วโมง และฟังเพลงได้นาน 104 ชั่วโมง
พร้อมกับกล้องความละเอียด 64MP เลนส์อัลตราไวด์ขนาด 8MP และเลนส์ Telemacro ขนาด 5MP โดยยังมีฟีเจอร์ AI ต่างๆ อาทิ One-click AI Cinema และ Cinematic video filter ตลอดจนโหมดการถ่าย Vlog แบบใหม่
ในกล่องแถมเคสใสมาให้ ใส่แล้วโชว์ตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี
ซอฟท์แวร์
ในขณะที่เรา รีวิว Xiaomi 11 Lite 5G NE ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5 สามารถอัพเดท FW เวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้เรื่อยๆ รวมถึงแอปต่างๆ ที่ติดมากับเครื่องก็ด้วยก็สามารถอัพเดทได้ทุกอย่าง และมีการอัพเดทความปลอดภัยย่อยทุกเดือน ปลอดภัยไร้กังวล
อีกทั้ง MIUI 12.5 ทำให้การใช้งานทำได้ลื่นไหลมาก ๆ มีการปรับปรุง ระบบ UI ให้มีอัตราการใช้ CPU ลดลงถึง 22% และลดอัตราการใช้พลังงานลงได้ถึง 15 % ให้ประสิทธิภาพ และการประมวลผลกราฟิกลื่นไหลกว่าเดิม เพราะ MIUI 12.5 ออกมาแบบให้รองรับการเคลื่อนไหวและการตอบสนองของหน้าจอที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเนื่องจากมีการใช้แกนประมวลผลเฉพาะ จึงตอบสนองได้ทันทีและไม่มีคำสั่งอื่นในระบบมาแทรกได้
นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถเลือกถอด การติดตั้งแอปส่วนใหญ่ที่มากับระบบได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกซ่อนแอปที่ฝังมากับแกนของระบบได้อีกด้วย
ประสบการณ์ใช้งาน UI ที่ลื่นไหลและรวดเร็ว ไม่หน่วง ไม่สะดุด และไม่ค้างที่ เพิ่มความสามารถในการรักษาความปลอดภัย ยกระดับการรักษาความเป็นส่วนตัวขึ้น เพิ่มฟีเจอร์การเเจ้งเตือนการขออนุญาตการเข้าถึง โดยที่ระบบจะมีการแจ้งเตือนแสดงขึ้นบนแถบสถานะเมื่อพบแอปที่เข้าถึงกล้อง ที่อยู่ และไมโครโฟน ที่ทำงานเบื้องหลัง
ตัวอินเตอร์เฟส MIUI 12 มาพร้อม Dark Mode แม้แอปที่เราใช้งานจะไม่รองรับ แต่ตัวอินเตอร์ก็สามารถเปลี่ยนแอปดังกล่าวเป็น Dark Mode ได้ โดยจะเปลี่ยนสีของพื้นหลัง แอปของระบบ และแอปภายนอก ให้เข้มขึ้น พร้อมกันนี้ Dark Mode ยังมอบประสบการณ์การมองเห็นในสภาวะแสงน้อยด้วย
สามารถใช้งานแอปเวอร์ชั่นล่าสุดของ Google ในระบบปฏิบัติการ Android ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Play Store, YouTube, Google Assistant, google maps, แอป Google สำหรับค้นหาข้อมูลต่างๆ โดยที่ไม่ต้องเปิดเว็บ chrome, Gmail หรือแม้แต่ Google photos สำหรับเก็บสำรองข้อมูลรูปภาพของเราไว้บนคลาวด์ของ Google แม้ตอนนี้จะไม่ให้ใช้ฟรีไม่จำกัดแล้วก็ตาม
ในแง่การรักษาความปลอดภัยหรือการยืนยันตัวตนเข้าใช้งานตัวเครื่อง ก็มีรูปแบบการปลดล็อคให้ใช้งานได้หลายวิธี และสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี เช่น การปลดล็อคแบบ Pattern หรือรูปแบบที่เราลากนิ้วไปมาบนหน้าจอ หรือใส่ Pin รหัสความปลอดภัย (ตัวเลข) ใส่รหัสผ่าน (ตั้งยาวๆ ได้) หรือการปลดล็อคด้วยชีวมาตร อย่าง ปลดล็อคด้วยใบหน้า (Face recognition) และปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม power
สำหรับการปลดล็อกด้วยใบหน้าหากใครใส่แว่นแบบผม สามารถตั้งค่าและปลดล็อคโดยสวมใส่แว่นตาได้เลย ในตอนตั้งค่าจะมีให้เลือกว่าเราเป็นคนใส่แว่นตาโดยปกติอยู่หรือเปล่า หากใส่ก็เลือกว่าใส่ จากนั้นก็ตั้งค่าโดยที่ไม่ต้องถอดแว่นตาออก เมื่อเราปลดล็อคก็ไม่จำเป็นต้องถอดแว่นตาตัวเครื่องก็สามารถปลดล็อคให้โดยไม่มีปัญหาอะไร
ในแง่การเล่นเกมผมได้ลองทดสอบดูเกม PUBG Mobile สามารถปรับตั้งค่าได้ที่ความละเอียดกราฟิก HDR HD และเฟรมเรท Ultra เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่หลุด ไม่ต้องกังวลว่าแตะพร้อมกันหลายนิ้วแล้วจะมีนิ้วไหนหยุดเวลาลากยิงหรือวิ่งนิ้วก็ไม่หลุด ลากนิ้วควบคุมได้อย่างลื่นไหล และภาพสวยงามสมจริง น่าประทับใจ
ลองกับ ROV ก็เช่นกัน หากไม่นับเรื่องหัวร้อนของการเล่น ก็เล่นได้อย่างลื่นไหล ลากนิ้วควบคุมไม่หลุด ตอบสนองได้รวดเร็ว
ในแง่การรับชมความบันเทิงอย่าง YouTube สามารถดูความละเอียดสูงสุดที่ 2160p ที่ยังให้ภาพที่ลื่นไหลคมชัด Smooth ไม่กระตุกและสามารถดูได้ 2 โหมดคือโหมดแบบที่มีขอบดำด้านข้างหรือโหมดเต็มจอซึ่งโหมดเต็มจอจะมีพื้นที่บริเวณขอบบางส่วนของวีดีโอที่ถูกครอปออกไป คุณภาพของเสียงก็ดี ลำโพงเปิดดังไม่แตก
สำหรับ Netflix ในตอนที่ผมรีวิวนั้นตัวแอป Netflix ยังไม่อัพเดทให้รองรับเครื่อง เข้าใจว่าน่าจะมีการอัพเดทให้รองรับตาม
ทดสอบประสิทธิภาพ
Xiaomi 11 Lite 5G NE ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon™ 778G ชิปเซ็ต 5G ยกระดับการใช้งาน 5G ในชีวิตประจำวัน สามารถสตรีมวิดีโอ HD หรือจัดเกมหนักๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะสะดุด ด้วยชิปกราฟฟิก Adreno 642L NE
โดยชิปเซ็ตอันแสนทรงพลังตัวนี้มาพร้อมกับ Qualcomm AI Engine รุ่นที่ 6 ซึ่งมอบประสิทธิภาพการแสดงผลระดับ AI 12TOPS แรม 6GB รอม 128GB และยิ่งโหดถ้าเป็น 8GB จะใช้ LPDDR4X และรอม 256GB เร็วขึ้นไปอีกด้วย UFS2.2
กล้อง
กล้องหน้า
กล้องหน้าจะเห็นว่าภาพบนถ้าใส่เสื้อขาว แสงจะขาวมาก เสื้อสีขาว ขาวมากกว่าปกติ แต่พอใส่เสื้อสีน้ำเงิน ภาพที่ได้จะมีความคมชัดกว่า
กล้องหลังตอนกลางวัน
กล้องหลังตอนกลางคืน
กล้องหลัง ของกิน