ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ยุคกี่สมัย “การแต่งตัววินเทจ” ก็จะยังคงเป็นเทรนด์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอๆ หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่า แฟชั่นการแต่งตัวแบบวินเทจ นั้นได้รับความนิยมมาตั้งแต่ในยุคก่อนๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ การออกแบบต่างๆ งานศิลปะ รวมไปถึงพาหนะต่างๆ เช่น รถยนต์รุ่นหายาก
วินเทจ (Vintage) คืออะไร?
คำว่า วินเทจ (Vintage) เพี้ยนมาจากคำว่า Vendage ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “องุ่นที่ถูกเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล” หรือในอีกความหมาย คำว่า วินเทจ (Vintage) ก็คือขั้นตอนหนึ่งในการบ่มไวน์ อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า การบ่มไวน์หรือการเก็บรักษาไวน์นั้น ยิ่งนานยิ่งมีคุณค่า ยิ่งทำให้ไวน์นั้นมีราคาแพง และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อนำมาใช้ในความหมายของแฟชั่น วินเทจ ก็เปรียบได้กับของที่ยิ่งเก่ายิ่งมีคุณค่า มีราคา มีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร
คำว่า วินเทจ (Vintage) เริ่มถูกนำมาใช้เป็นชื่อเรียกเทรนด์แฟชั่นในช่วงประมาณยุค 1920-1980 หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าของวินเทจคือของมือสอง หรือเป็นของเก่าที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่จริงๆ แล้วของวินเทจไม่จำเป็นต้องเป็นของมือสองเสมอไป หากเป็นสิ่งของที่ยังไม่เคยแกะกล่อง และยังไม่เคยถูกใช้งาน แต่ได้รับการเก็บรักษาอย่างดีมาเป็นเวลานานตั้งแต่ 20-30 ปีขึ้นไปก็นับว่าเป็นของวินเทจได้เช่นกัน
การแต่งตัววินเทจ เป็นยังไง?
ตามความหมายของคำว่า วินเทจ (Vintage) การแต่งตัวแบบวินเทจ ก็คือลักษณะหรือสไตล์การแต่งตัวตามแบบแฟชั่นย้อนยุค ซึ่งปัจจุบันก็จะนิยมนำเอาแฟชั่นเสื้อผ้าในยุคก่อนมา Mix & Match กับแฟชั่นเสื้อผ้าในยุคปัจจุบันที่มีความทันสมัย เป็นการแต่งตัวแบบวินเทจที่มีความเก๋ ไม่ซ้ำใคร มีกลิ่นอายแฟชั่นย้อนยุค อบอวลไปด้วยเสน่ห์ของกาลเวลา ผสมผสานไปกับแฟชั่นเสื้อผ้าแบบใหม่ๆ ที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว ดูคลาสสิก มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ซ้ำใคร และไม่ดูล้าสมัย
และในบทความนี้เราก็มาพร้อมกับ 30 ไอเดียแต่งตัวแบบวินเทจเก๋ๆ ให้เพื่อนๆ ได้เลือกแต่งตามกันได้ง่ายๆ เป็นการแต่งตัวแบบวินเทจที่ไม่เชย ไม่เก่า ไม่ดูล้าสมัย แต่มีเสน่ห์และมีสไตล์ไม่ซ้ำใคร มีกลิ่นอายแฟชั่นย้อนยุค แต่งตัวไปคาเฟ่ หรือแต่งตัวไปทะเล ถ่ายรูปสวยๆโฌพสต์ลงโซเซียล ตามไปดูกันได้เลย!
30 ไอเดียแต่งตัววินเทจ ดูเก๋ มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก