ภาวะหมดไฟ หรืออาการหมดไฟในการทำงาน ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาทางสุขภาพจิตที่เพิ่มสูงขึ้นของคนไทย ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับภาวะหมดไฟในการทำงาน เพื่อช่วยให้คุณรับเตรียมรับมือก่อนที่อาการหมดไฟจะเดินทางมาเยี่ยมเยือนคุณ
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) คือ ภาวะการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจที่เป็นผลมาจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน และไม่ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งลักษณะอาการออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- เหนื่อยล้าทางอารมณ์ รู้สึกหมดพลัง สูญเสียพลังจิตใจ
- มีทัศนคติเชิงลบต่อความสามารถในการทำงานของตนเอง ขาดความเชื่อมั่นในความสำเร็จ
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ความสัมพันธ์ในที่ทำงานเหินห่างหรือเป็นไปทางลบ
สัญญาณเตือนภาวะหมดไฟในการทำงาน แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
- ด้านอารมณ์ แสดงอาการหดหู่ ซึมเศร้า หงุดหงิด โมโหง่าย อารมณ์แปรปรวน และไม่พอใจในงานที่ทำ
- ด้านความคิด ทำให้มองคนอื่นในแง่ลบแง่ร้าย โทษคนอื่นเสมอ ระแวง หนีปัญหา ไม่จัดการปัญหา สงสัย และไม่เชื่อในศักยภาพของตนเอง
- ด้านพฤติกรรม ทำให้ผัดวันประกันพรุ่ง ขาดความกระตือรือร้น หุนหันพลันแล่น บริหารจัดการเวลาไม่ได้ ไม่อยากตื่นไปทำงาน มาสายจนผิดสังเกตติดต่อกัน ไม่มีสมาธิในการทำงาน และไม่มีความสุขในการทำงาน
วิธีจัดการกับภาวะหมดไฟในการทำงาน สามารถฟื้นฟูแก้ไขได้ก่อนสาย ดังนี้
- ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ
- ยอมรับในความแตกต่าง
- ไม่ด่วนตัดสินใคร
- เปิดใจฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
- มองหาที่ปรึกษาที่รับฟังและแนะนำได้
- ร่วมกิจกรรมขององค์กร
- อย่าทำงานหักโหมเกินไป
- อย่าเอางานไปทำที่บ้าน
- ไม่นำปัญหาที่ทำงานสะสมไปที่บ้าน
- ลดความกดดันในการทำงาน
- รู้จักขอความช่วยเหลือและปฏิเสธอย่างเหมาะสม
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
การทำความรู้จักภาวะหมดไฟเอาไว้ และกล้าเผชิญหน้ากับมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรทำ เพราะในอนาคตภาวะหมดไฟในการทำงานจะกลายเป็นสิ่งปกติธรรมดาที่เราต่างต้องพบเจอ ดังนั้น คุณจึงควรเรียนรู้ และทำความเข้าใจเอาไว้ เพื่อให้ตัวเองสามารถจัดการกับภาวะนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ข้อมููล: thestandard.co และ bangkokhospital.com
รูปภาพ: freepik.com