ในบทความนี้มีแล็ปท็อปจากแบรนด์ Infinix ซึ่งเป็นแบรนด์ที่คนไทยหลายคนน่าจะรู้จักกันดี ทำ สมาร์ทโฟน Android ออกมาขายในไทยหลายรุ่นด้วยกัน โดยแบรนด์จะจับกลุ่มตลาดระดับกลาง-ล่าง เน้นสมาร์ทโฟนที่ราคาไม่แพง ในสเปกที่เพียงพอต่อการใช้งาน เข้าถึงง่าย ล่าสุดได้เปิดตัวและท็อป 3 รุ่น Infinix InBook X1 ชิป i3, Infinix InBook X1 ชิป i5 และ InBook X1 Pro ซึ่งวันนี้เราจะมา รีวิว Infinix InBook X1 Pro ให้ชมกัน
Infinix InBook X1 Pro ถือเป็นรุ่นท็อปของตระกูล InBook X1 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 14 นิ้วความละเอียด Full HD จอ sRGB 100% มาพร้อมสเปค Intel Gen 10th แรม 16GB SSD 512GB น้ำหนักเพียง 1.48 กิโลกรัม ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,990 บาท ตอนนี้จัดโปรเหลือ 21,990 บาท
ตัวเครื่องมาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูทันสมัยและสวยงาม ทำจากอะลูมิเนียมมีความแข็งแรงแต่น้ำหนักเบาสะดวกต่อการพกพามีให้เลือก 3 สีด้วยกันคือสีเทา สีแดง และสีเขียว โดยตัวที่เราได้มารีวิวคือสีเทา
ช่องทางสั่งซื้อ
- Infinix InBook X1 ชิป i3-1005G1 ราคา 14,990 บาท
- Infinix InBook X1 ชิป i5-1035G1 ราคา 18,490 บาท
- Infinix InBook X1 Pro i7-1065G7 ราคา 21,990 บาท
รีวิว Infinix InBook X1 Pro ราคาเริ่มต้น 14,990 บาท
ตัวเครื่องที่ได้มารีวิวคือสีเทา แต่ดูๆ แล้วน่าจะเป้นสีเงินมากกว่า ดีไซน์ตัวเครื่องดูทันสมัยมาก ดูพรีเมียม ดูหรู แต่วัสดุและงานประกอบเท่าที่ลองสำผัสรู้สึกเสยๆ แน่นอนว่าแบรนด์จะเน้นเรื่องสเปกมากกว่าวัสดุและงานประกอบ คือไม่ได้แย่นะครับ แต่มันยังไม่ถึงกับงานประกอบดีเยี่ยม หรือหรูหราอลังการเกินราคาขนาดนั้น
สำรวจตัวเครื่อง
มาพร้อมกับหน้าจอ IPS ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD ขอบจอบางเพียง 4.19 mm มีความสว่าง 300 nits ความแม่นยำของสีในระดับสูง sRGB 100% สามารถใช้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้สีที่ตรงและให้ภาพที่คมชัดเพิ่มอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ได้อย่างดี ให้มุมมองภาพกว้าง 180 องศา
ผมไม่แน่ใจว่าตัวเครื่องที่ให้มารีวิวนั้นเป็นเครื่องที่ขายจริงหรือว่าเป็นตัวทดสอบ เนื่องจากหน้าจอแสดงผลขอบดำแต่ละด้านไม่เท่ากัน เหมือนประกบจอมาไม่ตรง จากภาพจะเห็นว่าฝั่งซ้ายมือมีขอบดำโผล่มาแต่ฝั่งขวามือไม่มี และจะเห็นชัดเวลาที่หน้าจอแสดงผลมีสีขาว
ด้านบนของหน้าจอมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 720p มีไมโครโฟน 2 ตัว สำหรับสนทนาหรือ Video Call หรือประชุมผ่านโปรแกรมต่างๆ ได้
มาพร้อมกับแป้นพิมพ์ที่สกรีนภาษาไทยเข้าไปเรียบร้อย layout ดูสวยงาม ดูแล้วรู้เลยว่าตัวหนังสือภาษาไทยถูกสกรีนเพิ่มเข้าไปตั้งแต่โรงงาน ไม่ได้ถูกสกีนทีหลัง ทำให้ดูเนียน แล้วก็สวย
ตัวปุ่มกดมีขนาดใหญ่ ระยะกดไม่ลึกพิมพ์สนุก แต่ไม่มีแป้นพิมพ์ตัวเลขมาถ้าใครที่ต้องใช้อาจจะไม่สะดวก
ตัวแป้นพิมพ์มีไฟสามารถเปิดหรือปิดได้ โดยกดปุ่ม Fn และกดปุ่ม Spacebar ตาม สามารถปรับความสว่างของไฟแป้นคีย์บอร์ดได้ 2 ระดับ เปิดไฟแล้วแสงจะรอดออกมาตามตัวหนังสือที่สกรีนบนแป้นพิมพ์ทำให้สามารถมองเห็นแป้นพิมพ์ได้อย่างชัดเจน
นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับ touchpad ขนาดใหญ่วางอยู่ตรงตำแหน่งกลางของตัวเครื่อง เท่าที่ใช้งานพบว่าตอบสนองได้เป็นอย่างดี เลื่อนไปมาได้รวดเร็ว เพียงแต่ว่าการกดหรือการคลิกเหมือนจะต้องออกแรงมากกว่าปกตินิดนึง และมีบางจุดบน touchpad ที่ค่อนข้างจะกดลำบากกว่าปกติ
นอกจากนั้นยังมีปุ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลดล็อคเข้าใช้งานเครื่องโดยไม่ต้องกรอกรหัสผ่านทำงานร่วมกับฟีเจอร์ปลดล็อคเครื่องของ Windows 10 ได้เป็นอย่างดี
ส่วนปุ่มปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่บนมุมขวาบนสุดของตัวเครื่องแยกออกจากแป้นคีย์บอร์ด ไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอไปกดโดน
เหนือจากแผงคีย์บอร์ดจะเป็นแถบลำโพงของตัวเครื่อง มี 2 ตัว ซ้ายและขวา และด้านหลังของตัวเครื่องมีอีก 2 ตัวอยู่ซ้ายและขวา มาพร้อมกับระบบเสียง dts คุณภาพเสียงอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ได้ดีจนประทับใจ ข้อดีคือให้เสียงที่มีมิติมากกว่าแล็ปท็อปที่มี 1 หรือ 2 ลำโพง และเปิดเสียงดังสุด ลำโพงก็ไม่มีเสียงแตก แต่ความดังสุดของเครื่องส่วนตัวยังรู้สึกว่าควรจะดังกว่านี้อีกนิดนึง
ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 1.48 กิโลกรัมและมีความหนาอยู่ที่ 16.3 mm
Port เชื่อมต่อ มีมาให้แบบครบถ้วน เพียงพอต่อการใช้งาน
ฝั่งขวามือ
- Micro SD
- Audio/Mic jack
- USB 2.0
- USB 3.0
ฝั่งซ้ายมือ
- DC charging
- HDMI 1.4
- USB-C charging และ data transferring
- USB-C data transferring อย่างเดียว
อีกหนึ่งลูกเล่นคือมีสวิตช์สำหรับเปิดและปิดกล้องหน้า เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในกรณีที่เราไม่ต้องการให้มีแอปแอบใช้ หรืออาจจะถูกแฮกกล้องหน้า เราสามารถเลื่อนปิดสวิตช์กล้องในกรณีที่เราไม่ต้องการใช้งาน ถึงแม้ว่าเราจะเปิดแอปกล้องอยู่แต่ถ้าสวิทช์ถูกปิดตัวกล้องก็จะไม่ทำงาน
ตัวหน้าจอสามารถกางออกได้สูงสุดถึง 180 องศา ทำให้เราสามารถวางแล็ปท็อปใช้งานในแบบต่างๆ ได้อย่างอิสระ ตัวเครื่องมาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูทันสมัยและสวยงาม ทำจากอะลูมิเนียมมีความแข็งแรงแต่น้ำหนักเบา
ด้านหลังของตัวเครื่องจะมียาง เป็นแถบยาวสีดำช่วยในการยึดเกาะเมื่อวางบนโต๊ะ ตัวเครื่องจะไม่ขยับไปมา และด้วยความหนาของแถบยางทำให้ตัวเครื่องยกสูงจากพื้น ส่งผลทำให้มีลมผ่านเข้าไปด้านล่างของตัวเครื่อง ช่วยในการระบายความร้อน และช่วยเรื่องคุณภาพของเสียงด้วย
ตัวแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 13 ชั่วโมง มาพร้อมกับ adapter 65 วัตต์เป็น PD 3.0 ตัว adapter จะมีความใหญ่พอสมควร แต่น้ำหนักเบา สามารถชาร์จแบตตัวเครื่องจาก 0 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 1 ชั่วโมง
ชอฟท์แวร์และการใช้งาน
ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 Home ของแท้ อัพเกรดได้เรื่อยๆ แต่ไม่รวม Microsoft Offce มาด้วยนะครับ ต้องซื้อแยกเอง การตอบสนองดีมากๆ ไม่เจออาการหน่วงหรือกระตุกเลยแม้แต่นิดเดียว สลับโปรแกรมไปมาได้อย่างดีเลิศ หากใครกำลังหาแล็ปท็อปสเปกแปรงๆ ในราคาที่ไม่แพงก็ตอบโจทย์ เพราะด้วยสเปกนี้ หากเทียบกับแบรนด์เจ้าตลาดราคาก็แตะ 3 หมื่นแน่นอน
ด้วยสเปคที่มาพร้อมกับ CPU Core i7 และ Ram ที่ให้มาถึง 8 GB และ Windows ที่รันบน ssd จึงไม่แปลกที่จะทำให้การใช้งานลื่นไหล จากการใช้งานเว็บไซต์ แสดงผลภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง ตัดคำถูกลื่นไหลไม่หน่วง ไม่กระตุกที่สำคัญเปิดหลายแท็บก็ยังใช้งานได้เพียงพอ
ตัวเครื่องสามารถรับชมวีดีโอบน YouTube ที่ความละเอียด 2160p หรือระดับ 4K ภาพสวยสมจริงมีความลื่นไหลคุณภาพเสียงก็เทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คแบรนด์ชั้นนำทั่วไปไม่ถือกับว่าเสียงดี แต่ก็ไม่ได้เสียงแย่
สเปกและทดสอบประสิทธิภาพ
Model | INBOOK X1 PRO Laptop |
Operating System | Windows 10 Home |
Processor | Intel® Core™ i7-1065G7 (1.3 GHz base frequency, up to 3.9 GHz with Intel® Turbo Boost Technology, 8 MB L3 cache, 4 cores 8 threads) |
Chipset | Intel® Integrated SoC |
Graphics [Integrated] | Intel Iris Plus Graphics G7 (Ice Lake 64 EU) |
Aspect Ratio | 16:9 |
Display Screen | Size14 inches IPS 1920*1080 Viewing Angle178 degrees |
Color Gamut | 100% sRGB |
Memory | 16 GB DDR4 |
Storage | 512 GB, PCIe NVMe SSD |
Keyboard | Full-size Backlit Chiclet Keyboard Touchpad with Multi-touch |
Fingerprint | Yes |
Battery | MaterialLithium polymer , Capacity55 Wh |
Connectivity | Wi-Fi (X1)IEEE 802.11a/b/g/n/ac,160MHz |
WiFi6,2.4GHz and 5GHz | |
2×2 MIMO | |
BluetoothBT 5.2 | |
Ports | USB-C x 1 (support data, charging and DisplayPort) |
USB 3.0 × 2 / USB 2.0 x 1 | |
HDMI × 1 | |
SD card slot x 1 | |
camera switch x 1 | |
3.5 mm Headset and Microphone Jack x 1 | |
Camera | 720P HD camera |
Audio | tweeter:0.8W x 2 |
base:1.5W x 2 | |
DTS audio processing | |
Microphone x 2 | |
Warranty | 1 Year Warranty |
In The Box | Inbook X1 PRO |
65W USB-C Power Adapter | |
USB-C Charger Cable | |
Quick Start Guide | |
Warranty Card | |
Product Dimension (WxDxH) | 323.5 mm x 219.5mm x 16.3mm |
Product Weight | 1.48 Kg |