ออราเคิลเปิดให้ใช้งาน “MySQL HeatWave” ฟรี บนแพลตฟอร์ม Amazon Web Services (AWS)

Lazada

- ภาพ นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชัน ประเทศไทย scaled - ภาพที่ 1

กรุงเทพฯ 22 กันยายน 2565 – ออราเคิล เปิดให้ใช้บริการ MySQL HeatWave บนแพลตฟอร์ม Amazon Web Services (AWS) โดย MySQL HeatWave เป็นบริการเดียวที่รวบรวมฟีเจอร์การประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ (OLTP) การสร้างบทวิเคราะห์ ฟังก์ชั่นการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และระบบอัตโนมัติบนพื้นฐานการเรียนรู้ของเครื่องทั้งหมดไว้ในฐานข้อมูล MySQL ที่เดียว ทำให้ในวันนี้ ผู้ใช้แพลตฟอร์ม AWS สามารถประมวลผลธุรกรรม ดูบทวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และใช้ฟังก์ชั่นการเรียนรู้ของเครื่องได้ในบริการเดียว

โดยไม่ต้องเสียเวลาทำซ้ำขั้นตอน ETL (Extract-Transform-Load) จากฐานข้อมูลคนละแห่ง เช่น ต้องใช้ Amazon Aurora เพื่อประมวลผลธุรกรรม จากนั้นใช้ Amazon Redshift หรือ Snowflake บน AWS เพื่อสร้างบทวิเคราะห์ และยังต้องใช้ SageMaker สำหรับฟังก์ชั่นการเรียนรู้ของเครื่อง ทำให้บริการ MySQL HeatWave บน AWS ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย กล่าวว่า “การเปิดให้ใช้บริการ MySQL HeatWave ของออราเคิลบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Amazon Web Services ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริการและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานครั้งสำคัญให้แก่ลูกค้าในเมืองไทย วันนี้ ลูกค้า AWS สามารถใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันบนฐานข้อมูลในคลาวด์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องย้ายข้อมูลไปประมวลผลหรือทำการวิเคราะห์นอกฐานข้อมูลของตัวเอง อีกทั้ง MySQL HeatWave บน AWS ยังทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และส่งมอบเนื้องานได้มากกว่าบริการของแพลตฟอร์มอื่น ๆ หลายสิบเท่า โดยการนำเสนอบริการนี้สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของออราเคิล ที่มุ่งมั่นนำเสนอให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่องและตลอดไป”

- ภาพ สำนักงาน Oracle - ภาพที่ 3

เอนิช คูมาร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ 6D Technologies ผู้ให้บริการโซลูชันไฮเทคในธุรกิจโทรคมนาคมของอินเดียที่มีลูกค้ามากกว่า 80 ประเทศ กล่าวว่า “บริการ MySQL HeatWave บน AWS ทำรายการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วกว่า Amazon RDS และ Aurora ถึง 139 เท่า ซึ่งมอบโอกาสสำคัญให้เราสามารถปรับโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลให้เรียบง่ายได้ทั้งส่วน OLTP และ OLAP ด้วยความหน่วงสัญญาณที่ต่ำกว่าหลักวินาที นอกจากนี้ เว็บคอนโซลยังตั้งค่าได้ง่ายและสามารถตรวจดูเมตริกประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมการรายงานผลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟที่รวดเร็ว ทำให้ MySQL HeatWave เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบริการแบบไมโครเซอร์วิสของเรา และเสริมการใช้งานคลาวด์เพื่อมอบประสบการณ์และประสิทธิภาพที่เหนือล้ำแก่ลูกค้าของเรา”

ออราเคิลยังนำเสนอข้อมูลขีดความสามารถและเกณฑ์วัดประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ ของบริการ MySQL HeatWave บน AWS ซึ่งได้แก่

  • ประสิทธิภาพการทำงานและประสิทธิภาพต่อราคาที่ดีเยี่ยม: บริการ MySQL HeatWave บน AWS ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบบนแพลตฟอร์ม AWS ด้วยโครงสร้างการทำงานชั้นเยี่ยมที่มอบประสิทธิภาพสูงกว่าและต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริการของคู่แข่งตามเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม โดยเมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ 4TB TPC-H* พบว่า MySQL HeatWave บน AWS มีประสิทธิภาพต่อราคาดีกว่า Amazon Redshift 7 เท่า ทำงานเร็วกว่า Snowflake 10 เท่า ทำงานดีกว่า Google BigQuery 12 เท่า และใช้งานได้ดีกว่า Azure Synapse 4 เท่า ส่วนในด้านการเรียนรู้ของเครื่อง MySQL HeatWave บน AWS ทำงานเร็วกว่าการเรียนรู้ของเครื่องใน Redshift ถึง 25 เท่า ส่วนในเกณฑ์ภาระงานแบบ 10GB TPC-C* พบว่า MySQL HeatWave บน AWS ให้ปริมาณงานที่สูงและสม่ำเสมอว่าถึง 10 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Amazon Aurora ในการรับมือชุดข้อมูลปริมาณมาก โดยข้อมูลการเปรียบเทียบตามเกณฑ์ทั้งหมดมีอยู่ใน GitHub ให้ลูกค้าสามารถคัดลอกได้
  • ประสบการณ์การใช้งานเหมือน AWS: บริการ MySQL HeatWave บน AWS มอบประสบการณ์การใช้งานตามแบบฉบับของแพลตฟอร์ม AWS ให้แก่ลูกค้า AWS โดยมีความหน่วงสัญญาณต่ำมากที่ระดับมิลลิวินาทีในการทำงานกับแอปพลิเคชันและคอนโซลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ช่วยสนับสนุนการบริหารแผนผังงานและข้อมูลจากคอนโซลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ผู้ใช้จึงสามารถตรวจสอบทั้งการทำงานของรายการข้อมูลและการใช้ทรัพยากรที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ คอนโซลยังผสานฟีเจอร์ MySQL Autopilot เพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น
  • ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยขั้นสูง: บริการ MySQL HeatWave มอบฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่างครอบคลุมซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างจาก Amazon Aurora อาทิ การสร้างข้อมูลด้านเซิร์ฟเวอร์และการอำพราง การเข้ารหัสข้อมูลแบบอสมมาตร และไฟร์วอลล์ในฐานข้อมูล โดยการเข้ารหัสข้อมูลแบบอสมมาตรช่วยให้นักพัฒนาและผู้ดูแลฐานข้อมูลสามารถยกระดับการปกป้องข้อมูลลับเฉพาะและใช้ลายเซ็นดิจิทัลเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ที่ลงนามเอกสาร ส่วนไฟร์วอลล์ฐานในข้อมูลมอบการปกป้องแบบเรียลไทม์ต่อการโจมตีที่พุ่งเป้ามาที่ฐานข้อมูลโดยเฉพาะ เช่น SQL Injections ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบการปกป้องที่ดีที่สุดในคลาสให้กับผู้ใช้ฐานข้อมูล ซึ่งแตกต่างจากของ Amazon Aurora ที่ขั้นตอนความปลอดภัยจะถูกวางเป็นชั้น ๆ ครอบทับบนฐานข้อมูล
  • MySQL Autopilot: Autopilot มอบการทำงานระบบอัตโนมัติที่วิเคราะห์ภาระงานบนพื้นฐานการเรียนรู้ของเครื่องที่ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ในวงจรแอปพลิเคชัน ซึ่งรวมถึงการจัดเตรียมระบบ การบริหารข้อมูล การทำรายการข้อมูล และการรับมือข้อผิดพลาด โดย Autopilot จะมอบฟีเจอร์การทำงานครอบคลุมทั้งการจัดเตรียมระบบอัตโนมัติ การโหลดข้อมูลแบบอัตโนมัติ การเข้ารหัสอัตโนมัติ การบรรจุข้อมูลอัตโนมัติ การกำหนดตารางงานอัตโนมัติ การยกระดับแผนรายการอัตโนมัติ การแจ้งการเปลี่ยนแปลงอัตโนมัติ และการรับมือข้อผิดพลาดอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อฟีเจอร์เหล่านี้ทำงานประสานกันจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันและลดต้นทุนด้วยการกำหนดโครงสร้างที่ดีที่สุดเพื่อรับมือกับภาระงาน และลดภาระแรงงานในการดูแลฐานข้อมูล วันนี้ ออราเคิลได้นำเสนอขีดความสามารถเพิ่มเติมของ Autopilot ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์ (OLTP) ซึ่งส่งผลถึงการเพิ่มประสิทธิภาพต่อราคาของ MySQL HeatWave เมื่อเปรียบเทียบกับ Amazon Aurora ซึ่งได้แก่ฟีเจอร์ Auto Thread Pooling จะมอบปริมาณงานที่มากและสม่ำเสมอกว่าเมื่อต้องทำงานกับข้อมูลปริมาณมาก ผ่านการกำหนดจำนวนรายการธุรกรรมที่สามารถทำรายการได้ ส่วน Auto Shape Prediction จะกำหนดโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพต่อราคาสูงสุดแก่ OLTP สำหรับการนำไปผสานกับระบบเดิมที่ใช้งานอยู่ ซึ่งอาจให้คำแนะนำว่าจะสามารถใช้ระบบเดิมต่อไปแต่เพิ่มขนาดระบบให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือลดขนาดเป็นโครงสร้างที่เล็กลงเพื่อลดต้นทุน รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่ให้ประสิทธิภาพต่อราคาดีที่สุด
  • การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning): ML ใน HeatWave มอบขีดความสามารถการเรียนรู้ของเครื่องในฐานข้อมูล ซึ่งรวมถึงการทดสอบ การวินิจฉัย และการให้คำอธิบาย ช่วยให้ลูกค้าใช้ฟังก์ชั่นการเรียนรู้ของเครื่องกับข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อย่างปลอดภัยโดยปราศจากความซับซ้อน ความหน่วงสัญญาณ หรือต้นทุนจากการทำขั้นตอน ETL โดย ML ใน HeatWave สามารถทำงานแบบอัตโนมัติได้ตลอดวงจรอายุและจัดเก็บโมเดลที่ผ่านการทดสอบแล้วไว้ในฐานข้อมูล MySQL โดยไม่ต้องย้ายไปเก็บในเครื่องมือหรือบริการ ML อื่น ๆ ให้เสียเวลา ฟีเจอร์นี้เป็นบริการเสริมฟรีสำหรับลูกค้า MySQL HeatWave ซึ่งยังไม่มีผู้ให้บริการคลาวด์ฐานข้อมูลหรือฐานข้อมูลแบบเปิดรายใดที่มีขีดความสามารถการเรียนรู้ของเครื่องในฐานข้อมูลระดับสูงเช่นนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว ML ใน HeatWave สามารถทำการทดสอบโมเดลได้เร็วกว่า Redshift ML 25 เท่าและมีการปรับสเกลแบบกลุ่ม วันนี้ ลูกค้า MySQL HeatWave จึงสามารถทดสอบโมเดลได้บ่อยขึ้นและปรับปรุงให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้การทำนายผลมีความแม่นยำสูงขึ้น

- ภาพประกอบข่าว ออราเคิลเปิดให้ใช้งาน MySQL HeatWave ฟรี บนแพลตฟอร์ม Amazon Web Services scaled - ภาพที่ 5

เตรียมพร้อมสำหรับระบบคลาวด์แบบกระจายศูนย์

ปัจจุบัน บริการ MySQL HeatWave เปิดให้บริการในคลาวด์หลากหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งจะรวมถึง OCI, AWS, และ Microsoft Azure ในอนาคตอันใกล้ ทั้งยังเปิดบริการให้ใช้ในระบบที่ใช้เฉพาะในบริษัท โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Oracle Dedicated Region Cloud@Customer สำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่สามารถย้ายภาระงานของฐานข้อมูลเข้าสู่ระบบคลาวด์สาธารณะได้ ลูกค้าก็สามารถคัดลอกข้อมูลจากแอปพลิเคชัน MySQL OLTP จากระบบในบริษัทมาไว้ใน MySQL HeatWave บน AWS หรือ OCI ได้ เพื่อรับการวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงกับเวลาแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ บริการ MySQL HeatWave จะทำงานด้วยฐานข้อมูล MySQL เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ ซึ่งมีผู้ให้บริการ MySQL เพียงไม่กี่รายที่สามารถทำได้ในระดับนี้

“แม้แพลตฟอร์ม AWS จะมอบบริการฐานข้อมูลบนคลาวด์มากมายที่เหมาะสมกับข้อมูลและขีดความสามารถเฉพาะแบบ แต่ MySQL HeatWave บน AWS ทำงานด้วยกลยุทธ์ฐานข้อมูลแบบบูรณาการของออราเคิลที่มอบความสามารถทั้งการทำธุรกรรม การสร้างบทวิเคราะห์ การเรียนรู้ของเครื่อง และระบบอัตโนมัติ Autopilot ได้ทั้งหมดในหนึ่งเดียว สำหรับผู้ใช้งาน AWS สิ่งนี้หมายถึงการได้รับบริการเสริมที่ไม่มีการคิดเงินเพิ่ม พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มพิเศษ ไม่มีค่าธรรมเนียมการย้ายข้อมูล ตัวเชื่อมต่อระบบ และอีกมากมาย

สำหรับทีมงานฝ่ายไอทีและนักพัฒนาที่วิตกกังวลเรื่องต้นทุน บริการ MySQL HeatWave บน AWS จะทำให้คุณเป็นเจ้าของระบบที่ไม่ต้องใช้เงินทุนในการซื้อบริการเสริมบน AWS และไม่มีค่าธรรมเนียมการย้ายข้อมูล” มาร์ค สไตเมอร์ นักวิเคราะห์อาวุโส Wikibon กล่าว “ราวกับยูเซน โบลต์ ทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่นและสร้างสถิติโลกใหม่ที่ยังไม่มีใครทำลายได้จนบัดนี้ ผลการวัดเกณฑ์ด้านประสิทธิภาพต้นทุนล่าสุดของเราแสดงให้เห็นว่าบริการ MySQL HeatWave บน AWS ทำงานดีกว่า Amazon Redshift ถึง 7 เท่า ซึ่งถ้าคุณกำลังแสวงหาผลกำไร ก็คงเลือกได้ไม่ยาก”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • ทดสอบเกณฑ์ประสิทธิภาพของคุณได้ที่นี่
  • ดูวิดีโออธิบายเกี่ยวกับ MySQL HeatWave

รายการเกณฑ์มาตรฐานนำข้อมูลมาจากเกณฑ์ TPC ทว่าผลลัพธ์ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบได้กับผลลัพธ์เกณฑ์ TPC ที่ถูกตีพิมพ์ เนื่องจากไม่สอดคล้องตามข้อกำหนด TPC