เด็กในยุคปัจจุบันอาจไม่รู้จักมือถือฟีเจอร์โฟนอีกแล้ว เมื่อมองไปยังอนาคตอันใกล้เด็กในยุคถัดไป ก็อาจตั้งคำถามกับอดีตว่า สมาร์ทโฟนหรือมือถือคืออะไร? โดยเฉพาะเมื่อสองบริษัทแห่งเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Facebook ให้ความเห็นว่า มือถือกำลังจะถูกแทนที่ด้วย AUGMENTED REALITY หรือ AR
แล้วมันจะเกิดขึ้นจริงหรือ?
Microsoft เชื่อมั่น Augmented Reality
ย้อนหลังกลับไปที่งาน F8 ซึ่งเป็นงานสัมนาเชิงวิชาการจัดขึ้นโดยเฟซบุ๊ก มีช่วงหนึ่งของงานสัมนา Mark Zuckerberg ซีอีโอคนดังให้ความเห็นว่า ในอนาคตอันใกล้มือถือกำลังจะตายลงในปี 2022
อ่านเพิ่มเติม: Facebook ทำนาย ‘แว่นตา’ เข้ามาแทนที่สมาร์ทโฟนในปี 2022
ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับ Alex Kipman ผู้บริหารคนหนึ่งของไมโครซอฟท์ เพียงแต่มุมมองของ Kipman ค่อนข้างสุดโต่ง เพราะใช้คำว่า มือถือตายแล้ว?
แน่นอนเรื่องดังกล่าวเป็นคำพูดที่เกินจริง (exaggerate) เพราะมันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อคุณอาจกำลังอ่านบทความนี้จากสมาร์ทโฟนด้วยซ้ำ
แม้คำพูดของ Kipman จะเกินจริงไปสักหน่อย แต่มุมมองที่ไมโครซอฟท์มีต่อ Augmented Reality ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะอุปกรณ์นี้ จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ ความสมจริง ความแปลกใหม่ พร้อมกับได้อรรถรสทั้งภาพและเสียงอย่างเต็มที่ โดยไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ในโลกเคยให้ประสบการณ์แบบนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทีวี สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์
โดยในเวลานี้ไมโครซอฟกำลังพัฒนา Hololens ที่มีความสามารถในเชิง Augmented Reality เช่นเดียวกับกูเกิล เฟซบุ๊ก หรือแม้แต่แอปเปิลที่ใคร่ให้ความสนใจเทรนด์อนาคตตัวนี้อย่างใกล้ชิด
เทคโนโลยีสมัยใหม่แทบไม่เคยตาย
เมื่อมองดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดมือถือ/สมาร์โฟน โอกาสที่สมาร์ทโฟนกำลังจะถูกลดความสำคัญก็อาจเป็นเรื่องจริงที่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะการเติบโตที่ก้าวกระโดดนับตั้งแต่วันที่แอปเปิลเปิดตัว iPhone รุ่นแรกจนถึงตอนนี้ เราแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญมากมายนัก
ทุกวันนี้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนต่างพูดในสิ่งที่ไม่ใช่นวัตกรรมอย่างที่ผู้บริโภคอยากจะเห็น การพูดเรื่องกล้อง ความสามารถในการถ่ายภาพ สเปกเครื่องที่แรงเสียดฟ้า มันคือภาพที่สะท้อนว่า สมาร์ทโฟนกำลังเข้าสู่จุดอิ่มตัวอย่างชัดเจนที่สุด
นั่นจึงทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่เริ่มบ่ายหน้าค้นหาสิ่งใหม่ อย่างเช่นการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามา จากงานเปิดตัว Samsung Galaxy S8 ที่แนะนำตัว Bixby เป็นครั้งแรก
ขณะเดียวกัน Apple ก็ยังมีปัญญาประดิษฐ์ที่รอการอัปเกรดความสามารถอย่าง Siri เท่านั้นไม่พอ Motorola และ Huawei ต่างหยิบยืมความสามารถ Alexa ที่พัฒนาโดย Amazon และเริ่มนำร่องใช้งานในสมาร์ทโฟนระดับสูงบ้างแล้ว ซึ่งการมาของปัญญาประดิษฐ์ทำให้มีการวิเคราะห์จากผู้สันทัดกรณีที่มองว่า ผู้คนจะเลิกให้ความสนใจจากมือถือ แล้วหันมาใช้เสียงในการสั่งการ เพื่อแสดงออกในสิ่งที่ต้องการ เพราะการใช้คำสั่งเสียง สามารถทำงานได้รวดเร็ว และไวกว่าการใช้นิ้วสั่งการสมาร์ทโฟน
อย่างไรก็ตามถึงที่สุดแล้ว สิ่งประดิษฐ์ในวงการเทคโนโลยีที่ผู้สันทัดกรณีเชื่อว่า ‘มันจะตาย’ ลงท้ายเราก็แทบจะไม่ได้เห็นสิ่งนั้นตายอย่างถาวรจริงๆ เสียที ทุกวันนี้เรายังเห็นคนใช้ Fax ส่งเอกสาร, การมาของ Notebook ไม่ได้ทำให้ PC เจ๊ง, PC ผันตัวเป็นเครื่องเล่นเกมระดับไฮเอนด์, แท็บเล็ตไม่ได้เข้ามาแทนที่คอมพิวเตอร์ หรือการอ่านหนังสือในรูปแบบกระดาษ เป็นต้น
แน่นอน AR คือ เทคโนโลยีที่น่าสนใจ หากแต่มันเป็นเทคโนโลยีที่ยังต้องการเวลาเพื่อปรับแต่งให้มีความเหมาะสมกับผู้ใช้งานทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกประเภท โดยไม่มีข้อโต้แย้ง หรือประสบการณ์ที่ไม่ดีหลังการใช้งาน พร้อมกับเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนรู้สึกว่า ควรต้องมีมันไว้กับตัว ซึ่งสิ่งที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดนี้ เราทุกคนล้วนยอมรับว่า สมาร์ทโฟน คือ สิ่งที่เราต้องมีไว้กับตัวตลอดเวลา
Facebook และ Microsoft คือคนนอกวงสมาร์ทโฟน
แม้การให้ความเห็นที่มาจากเฟซบุ๊กและไมโครซอฟท์จะดูน่าสนใจ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ทั้งสองยักษ์ต่างไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจสมาร์ทโฟน ครั้งหนึ่งเฟซบุ๊กต้องการผลักดัน HTC Chacha และ HTC Salsa และลงท้ายด้วยความล้มเหลว เช่นเดียวกับ Lumia และสมาร์ทโฟนภายใต้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone ที่ไม่เคยทำได้ใกล้เคียงกับ Android หรือ iOS เลย
ฉะนั้นแล้วการพยายามที่จะชี้บ่งบอกว่า สมาร์ทโฟนตายแล้ว หรือกำลังจะตาย ก็อาจเป็นคำพูดองุ่นเปรี้ยวที่ทำให้ทั้งสองยักษ์ใหญ่ไม่ได้รู้สึกแย่กับความล้มเหลวในธุรกิจสมาร์ทโฟน
อ้างอิงบนพื้นฐานจากบทความ
Death of the smartphone and what comes after – Business Insider