ในบทความนี้จะมารีวิวเปรียบเทียบการใช้งาน Samsung Galaxy A12 vs Oppo A54 สองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในช่วงราคาระดับเดียวกันให้ชม โดย Oppo A54 เปิดตัวในเดือน เมษายน 2564 ในราคา 5,999 บาท ส่วน Galaxy A12 เปิดตัวในเดือน สิงหาคม 2564 ด้วยราคา 5,299 บาท
สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าอยากได้สมาร์ทโฟนสักรุ่นในงบประมาณ 5,000 – 6,000 บาท อยู่ รับรองว่า 2 รุ่นนี้อยู่ใน List แน่นอน และเพื่อช่วยให้ท่านได้มีข้อมูลในการตัดสินใจซื้อ เราจะนำ Samsung Galaxy A12 รีวิวเปรียบเทียบกับ Oppo A54 ให้ชมกัน ว่ารุ่นไหนจะคุ้มค่าในราคานี้
Samsung Galaxy A12 รีวิวเปรียบเทียบการใช้งานกับ Oppo A54
ความเร็วและชิปประมวลผล
Galaxy A12 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลใหม่ Exynos 850 บนสถาปัตยกรรม 8 นาโนเมตร (8nm) แรม 4GB รอม 128GB ที่ช่วยให้เครื่องทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 30% จากหัวข้อด้านบนก็น่าจะรู้แล้วว่าการที่มี RAM สูงถึง 4GB ช่วยให้การเปิดแอป เล่นแอป สลับแอปโปรดของเราได้อย่างไหลลื่นโดยไม่สะดุด
ในขณะที่ Oppo A54 มาพร้อมกับชิป Mediatek MT6765 Helio P35 บนสถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร (12nm) แรม 4GB รอม 128GB
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: จากที่หาข้อมูลและดูผลทดสอบใน AnTuTu พบว่า Exynos 850 ทำคะแนนได้มากกว่า Helio P35 ราวๆ 10% ในข้อนี้จึงยกให้ Galaxy A12 ชนะไป
ทดสอบประสิทธิภาพ
จากสเปกหัวข้อด้านบน คงทราบกันแล้วว่า แต่ละรุ่นใช้ชิปประมวลผลอะไร ในหัวข้อนี้เลยจะพามาดูคะแนนการทดสอบประสิทธิภาพจากแอป AnTuTu โดย Galaxy A12 ทำคะแนน AnTuTu ได้ 122,253 คะแนน
ในขณะที่ Oppo A54 ทำคะแนน AnTuTu ได้ 102,385 คะแนน น้อยกว่า 19,868 คะแนน
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: จริงอยู่ว่า คะแนนการทดสอบประสิทธิภาพไม่ได้บ่งบอกประสิทธิภาพการใช้งานจริง ๆ แต่ก็เป็นเหมือนแหล่งอ้างอิงได้ว่าชิปตัวไหนมีประสิทธิภาพอย่างไร จากคะแนนคงเห็นแล้วว่า Galaxy A12 ทำคะแนนได้สูงกว่า ข้อนี้จึงยกให้ Galaxy A12 ชนะ
Geekbenck
- Galaxy A12 Single-core Score 182 คะแนน Multi-core Score 1,081 คะแนน
- OPPO A54 Single-core Score 165 คะแนน Multi-core Score 966 คะแนน
การเล่นเกม
ทดสอบการเล่นเกมด้วย PUBG Mobile ตัว Galaxy A12 สามารถปรับความละเอียดกราฟิกได้ระดับ HD และปรับเฟรมเรทได้ระบบสูง ในขณะที่ Oppo A54 เองก็ปรับระดับสูงได้ เพียงแต่ว่าพอโหลดเข้าเกมแล้วกระตุก เลยปรับกลับไปความละเอียดแบบสมดุล และเฟรมเรทได้แค่ระดับกลาง
จากภาพตอนเล่นเกมจะเห็นความแตกต่างมาก เพราะ Galaxy A12 ทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ปรับความละเอียดได้สูงกว่า ปรับเฟรมเรทได้สูงกว่า และเวลาเล่นให้การตอบสนองที่ดีกว่า ลื่นไหลกว่าด้วย
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: ยกให้ Galaxy A12 ชนะ อย่างไม่ต้องคิด
หน้าจอ
เริ่มกันที่หน้าจอแสดงผลกันเลย โดย Galaxy A12 มาพร้อมกับหน้าจอ PLS IPS ขนาด 6.5 นิ้ว ซึ่งเจ้า PLS-LCD เป็นจอแสดงผล LCD ของ Samsung ที่มีความสว่างเพิ่มขึ้น 10% คอนทราสต์ดีขึ้น 10% และตอบสนองการสัมผัสได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับจอ LCD ทั่วไป ความละเอียด HD+ 720 x 1600 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 20:9 เป็นจอ Infinity-V Display ไร้กรอบ ไร้ปุ่มโฮม เพิ่มมุมมองการเห็น และมีความละเอียดต่อพิกเซลอยู่ที่ 270ppi ตัวหน้าจอคิดเป็น 82.1% ของขนาดตัวเครื่อง
ในขณะที่ Oppo A54 มาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ 720 x 1600 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 20:9 ความละเอียดต่อพิกเซลอยู่ที่ 270ppi ตัวหน้าจอคิดเป็น 82.6% ของขนาดตัวเครื่อง
ทั้งคู่สามารถดู YouTube ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p@60fps แสดงผลได้อย่างลื่นไหลทั้งคู่ เรียกได้ว่ากินกันไม่ลงเลย
จากที่ใช้งานมาพบว่าการแสดงผลของ Galaxy A12 จะมีความสว่างกว่า คอนทราสต์ดีกว่า OPPO A54 เล็กน้อย จากภาพด้านล่างจะเห็นได้ชัดเจนว่ามือถือตัวบนมีความสว่างกว่า
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: เรื่องหน้าจอยกให้ Galaxy A12 ชนะ ไปเพียงเล็กน้อย
กล้องหน้า
Galaxy A12 มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 8 พิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายวีดีโอ 1080p@30fps ในขณะที่ Oppo A54 มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 รองรับ HDR ถ่ายวีดีโอ 1080p@30fps ดูจากสเปกเหมือนว่า Oppo A54 จะมาเหนือกว่าเล็กน้อย แต่อย่าพึ่งด่วนสรุปครับ เพราะคุณภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
นอกจากนั้น Galaxy A12 ยังรองรับการปลดล็อคเครื่องด้วย ใบหน้า Face recognition และระบบสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ตรงปุ่ม Power ด้านข้าง ในขณะที่ Oppo A54 รองรับ Face recognition และระบบสแกนลายนิ้วมือเช่นเดียวกัน
ความพิเศษของกล้องหน้า Galaxy A12 คือมีให้ระยะ มีมุมปกติสำหรับถ่ายคนเดียว และมุมกว้าง สำหรับถ่ายกับเพื่อน หรือถ่ายคนเดียวแต่ต้องการมุมของภาพที่กว้างขึ้น เพื่อเก็บรายละเอียดรอบ ๆ ตัวให้ได้มากขึ้น ในขณะที่ OPPO A54 นั้นมีระยะเดียว
ภาพ 1: Galaxy A12 มุมปกติ
ภาพ 1: Galaxy A12 มุมกว้าง
ภาพ 1: OPPO A54
ภาพ 2: Galaxy A12
ภาพ 2: OPPO A54
ภาพ 3: Galaxy A12
ภาพ 3: OPPO A54
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: อย่างที่กล่าวตอนแรก ดูเหมือนว่า สเปกกล้องของ OPPO A54 จะเหนือกว่า Galaxy A12 แต่การใช้งานจริง กับไม่ได้แตกต่างขนาดนั้น จากภาพเทียบกันจะเห็นว่ากล้องหน้าทั้งคู่ถ่ายออกมาได้คุณภาพใกล้เคียงกัน Galaxy A12 จะมีโทนของภาพที่สว่างกว่า แต่ยังคงความคมชัดอยู่ OPPO A54 จะให้โทนที่มืดและมีความคม แน่นอนว่าเรื่องความสวยขึ้นอยู่กับรสนิยม บางคนชอบโทนภาพสว่าง บางคนชอบโทนภาพที่ดูธรรมชาติ ในข้อนี้จึงให้ เสมอกัน
หน่วยความจำ
Galaxy A12 มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในเครื่อง 128GB แบบ eMMC 5.1 โดย ROM ที่ให้มาสูงถึง 128 GB ทำให้เราสามารถจัดเก็บรูปภาพได้มากถึง 32,000 รูป หมดความกังวลหน่วยความจำเต็ม และเพิ่มหน่วยความจำ microSD ได้สูงสุดถึง 1TB หมดความกังวลหน่วยความจำเต็ม (สามารถจัดเก็บรูปภาพได้เกือบ 3แสน รูป!)
ในขณะที่ Oppo A54 หน่วยความจำภายในเครื่อง 128GB เท่ากัน และใช้แบบ eMMC 5.1 แต่เพิ่ม microSD ได้สูงสุดเพียงแค่ 256GB เท่านั้น
ทั้งคู๋สามารถใส่ได้ 2 ซิม แบบ nano-SIM เพิ่ม microSD ได้โดไม่ต้องถอดซิมการ์ดที่ 2 Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน:
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: ในแง่หน่วยความจำภายในทั้งคู่ให้มาเท่ากัน สเปกเดียวกัน แต่ Galaxy A12 สามารถเพิ่ม microSD ได้มากกว่า โดยเพิ่มได้สูงสุดถึง 1TB เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนจะเพิ่มได้ถึง 1TB ในข้อนี้จึงให้ เสมอกัน
กล้องหลัง
Galaxy A12 มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 โดยกล้องแต่ละตัวแบ่งหน้าที่กันออกเป็น
- เลนส์กล้องขั้นเทพ 48 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพที่คมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 5 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้างได้กว้างกว่า
- ถ่ายภาพหน้าชัด หลังละลาย Live Focus ด้วยเลนส์หลัก และ Depth camera 2 ล้านพิกเซล พร้อม Flash-LED
- ถ่ายระยะใกล้ (โคลสอัพ) ได้ทั้งวัตถุและตัวอักษร ด้วยเลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซล
ในขณะที่ Oppo A54 กล้องหลัง 3 ตัว อีกตัวเป็นกล้องหลอกเฉยๆ แต่ละตัวมีสเปกดังนี้
- 13MP กล้องหลัก: f/2.2; FOV 81.3°; 5P เลนส์; AF รองรับ
- 2MP กล้องมาโคร: f/2.4; FOV 88.8°; 3P เลนส์
- 2MP กล้องโบเก้: f/2.4; FOV 88.8°; 3P เลนส์
จากสเปกด้านบนจะเห็นว่ากล้องของ Galaxy A12 มีความละเอียดกว่ากล้อง Oppo A54 ถึง 4 เท่า และมีจำนวนกล้องที่มากกว่า โดยมีเลนส์ wide เพิ่มเข้ามา ช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพได้หลากหลายมุมมองมากกว่า
กล้องหลังภาพที่ 1 – Galaxy A12
กล้องหลังภาพที่ 1 – OPPO A54
กล้องหลังภาพที่ 2 – Galaxy A12
กล้องหลังภาพที่ 2 – OPPO A54
กล้องหลังภาพที่ 3 – Galaxy A12
กล้องหลังภาพที่ 3 – OPPO A54
กล้องหลังภาพที่ 4 – Galaxy A12
กล้องหลังภาพที่ 4 – OPPO A54
กล้องหลังภาพที่ 5 – Galaxy A12
กล้องหลังภาพที่ 5 – OPPO A54
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: จากการใช้งานพบว่ากล้องหลังของ OPPO A54 มีปัญหาเรื่องการโฟกัสภาพ ที่มักจะโฟกัสวัตถุที่ต้องการถ่ายไม่ติด ทำให้หลายครั้งภาพออกมาเบลอ ในขณะที่ Galaxy A12 ทำได้ดีเยี่ยม ภาพออกมาสวยคมชัด โฟกัสติดทุกรูป ในข้อนี้จึงยกให้ Galaxy A12 ชนะ ไป
อินเตอร์เฟสและการใช้งาน
Galaxy A12 มาพร้อมกับอินเตอร์เฟส One UI Core 3.1 รันบน Android 11 ถูกพัฒนามาให้ผสานการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับการปล่อยอัปเดต FW ให้อย่างต่อเนื่อง สามารถเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม สลับใช้งานแอปพลิเคชันได้อย่างไหลลื่น ส่วนตัวคุ้นชินและชอบ One UI เพราะมีความสวยงามน่าใช้งาน ขึ้นชื่อเรื่องการใช้งานที่ง่าย ไม่ต้องเรียนรู้วิธีใช้ อินเตอร์เฟสมีความเรียบ เบา และตัวอินเตอร์เฟสที่ลื่นไหลไม่หน่วงไม่กระตุก สลับแอปไปมาได้รวดเร็ว
ที่สำคัญค่าจากโรงงานไม่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันให้มาเยอะเกินความจำเป็น ทำให้เราไม่ต้องมานั่งลบแอปที่ไม่ต้องการใช้งานทีหลัง และไม่ต้องห่วงว่าจะถูกติดตามหรือแอบเก็บข้อมูลจากแอปอะไรบ้าง ในขณะที่ Oppo A54 มาพร้อมกับอินเตอร์เฟส ColorOS 7.2 บน Android 10 มีหลายแอปที่ให้มาเกินจำเป็น ต้องมานั่งลบออกเอง แม้เราจะเลือกได้ว่าจะให้ติดตั้งแอปไหนบ้าง แต่ค่าเริ่มต้นก็ยังมีแอปเกินความจำเป็นมาเยอะอยู่
ในแง่การใช้งาน ทั้งคู่ให้ความลื่นไหลที่ใกล้เคียงกันมาก เท่าที่ใช้งานมา การสลับแอป และการเปิดแอป ฝั่ง Galaxy A12 จะทำให้เร็วกว่าเล็กน้อย การเปิดแอปมาแล้วพร้อมใช้งานได้ทันที ทำได้ดีกว่า สลับแอปแม้จะไม่หน่วงทั้งคู่ แต่ Galaxy A12 โหลดแอปมาได้เร็วกว่าเพียงเล็กน้อย
ในแง่ความคุ้นชิน ความง่ายในการใช้งานคงขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคน ว่าใครเคยใช้รุ่นไหน แบรนด์ไหนมา ส่วนตัวคิดว่าหากเคยใช้ Android มาสักรุ่น น่าจะใช้งานทั้งคู่ไม่ได้ยากอะไร
Galaxy A12 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ อึดถึง 5,000 mAh ดูซีรีส์โปรดต่อเนื่องเกือบหนึ่งวัน (21 ชั่วโมง) และยังรองรับ Fast Charge 15W พร้อม USB Type C ชาร์จเพียง 15 นาทีก็สามารถดูบอลจบ 1 แมตช์ 90 นาทีได้สบาย หรือเทียบเท่าดู YouTube ได้นาน 90 นาที
ในขณะที่ Oppo A54 เองก็แบตขนาด 5000mAh ดูวิดีโอออนไลน์ ได้นาน 19.9 ชั่วโมง พร้อมระบบชาร์จไว 18W
ที่สำคัญนั้น Galaxy A12 รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ด้วย (ทำงานเพื่อเชื่อมต่อหูฟัง) ทั้งคู่มาพร้อมกับ Bluetooth 5.0 โดย Galaxy A12 รองรับกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Galaxy Eco System มากมาย ตั้งแต่ Galaxy Buds Pro, Galaxy Buds Live, Galaxy Buds+, Galaxy Buds, Galaxy Fit, Galaxy Fit e, Galaxy Watch, Galaxy Watch Active, Galaxy Watch Active2, Gear Fit2, Gear Fit2 Pro, Gear Sport, Gear S2, Gear S3, Gear IconX, Gear IconX (2018) หรือหูฟังตัวใหม่ล่าสุดที่พึ่งรีวิวไปอย่าง Galaxy Buds2 ก็รองรับเช่นกัน
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: ในแง่อินเตอร์เฟสและการใช้วาน ยกให้ Galaxy A12 ชนะ ไป เนื่องจากค่าจากโรงงานไม่มีติดตั้งแอปเกินความจำเป็น และตอบสนองการใช้งาน เปิดแอป สลับแอปได้เร็วกว่า
สิทธิพิเศษ
Galaxy A12 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กอีกหนึ่งรุ่นที่จัดเต็มเรื่องสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้งานมากมาย ไม่แพ้รุ่นเรือธงเลยทีเดียว อาทิ
- รับสิทธิ์ YouTube Premium ดูวิดีโอแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 2 เดือน
- รับสิทธิ์ Spotify Premium เพลิดเพลินกับเพลงโปรดแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 3 เดือน
- ใช้งานแอปพลิเคชัน Adobe Lightroom แบบพรีเมียมฟรีถึง 2 เดือน เมื่อดาวน์โหลดจาก Galaxy Store
- และสิทธิประโยชน์มากมาย จากหลากหลายพาร์ทเนอร์ใน Galaxy Gift
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: ยกให้ Galaxy A12 ชนะ อย่างไม่ต้องคิด เพราะให้สิทธิประโยนช์มาแบบจัดเต็ม เทียบเท่าเรือธง
ราคา
Galaxy A12 วางขายอยู่ที่ราคา 5,299 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ Blue (สีฟ้า), Black (สีดำ) ในขณะที่ Oppo A54 วางขายอยู่ที่ 5,999 บาท ราคาต่างกันพอสมควร ต้องยอมรับว่าทั้งในแง่ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่านั้น Galaxy A12 ค่อนข้างเหนือกว่าพอสมควร
สรุปจากประสบการณ์การใช้งาน: ยกให้ Galaxy A12 ชนะ ไป ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า
สรุป
สำหรับคะแนนในแต่ละหัวข้อของทั้งคู่ Galaxy A12 ได้ทั้งหมด 8 คะแนน จากเต็ม 10 ในขณะที่ OPPO A54 ทำได้เพียง 2 คะแนน จากเต็ม 10 สรุปว่าการรีวิวเปรียบเทียบการใช้งาน Samsung Galaxy A12 vs Oppo A54 รุ่นไหนคุ้มค่ากว่ากัน ผลสรุปก็คือ Galaxy A12 นั่นเอง
Galaxy A12 ให้ประสบการณ์ความเร็วแรงจากหน่วยประมวลผลใหม่ เร็วแรงขึ้น 30% ทำงานรวมกับแรม 4GB รอม 128GB ทำให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด พร้อมความจุเยอะ เก็บรูปได้เยอะ ในราคาที่ดีที่คุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนในช่วงราคาเดียวกัน
สั่งซื้อ
ติดตามเพจ
Follow @DigitalMoreco