รีวิว Samsung Galaxy M33 5G ราคา 10,999 บาท

สารบัญเนื้อหา

เราเคยรีวิวและแนะนำ 10 จุดเด่นของ Galaxy M22 กับ Galaxy M32 ให้ได้รู้จักกันไป ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนในราคา 6,000 – 8,000 บาท ที่สเปคและฟีเจอร์น่าสนใจมากๆ จนกระทั่งล่าสุดทางซัมซุงได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล M ในชื่อรุ่น Galaxy M33 5G และ Galaxy M23 5G สมาชิกใหม่ล่าสุดในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางของทางซัมซุง ที่อัดแน่นมาด้วยคุณภาพคับเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การรองรับ 5G หน้าจอกว้างเต็มตา 6.6 นิ้ว ชิปเซ็ตสุดแกร่ง แบตเตอรี่ทรงพลังใช้งานยาวนานตลอดวัน พร้อมกับดีไซน์ Neo GLAM มอบความหรูหราล้ำสมัย กับโทนสีที่ถูกใจคนทุกสไตล์ โดย Galaxy M33 5G และ Galaxy M23 5G เริ่มวางขาย 21 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ในราคา เริ่มต้นเพียง 10,999 และ 8,999 บาท ตามลำดับ

Samsung Galaxy M33 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่รวบรวมความครบครัน อัดแน่นไปด้วย คุณภาพคับเครื่องไว้ในเครื่องเดียว ชิปประมวลผลตัวใหม่ Exynos1280 เร็ว แรงขึ้นกว่าเดิม 61% แบตเตอรี่อึดถึง 5,000 mAh ใช้ได้ยาวนานตลอดวัน กล้องถึง 4+1 ตัว คมชัดทุกมุมมอง ที่ประกอบไปด้วย กล้องหลัง 4 ตัว ได้แก่ กล้องหลักขนาด 50 ล้านพิกเซล กล้อง Ultra Wide ขนาด 5 ล้านพิกเซล กล้อง Dept ขนาด 2 ล้านพิกเซล กล้อง Macro ขนาด 2 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 1 ตัว ขนาด 8 ล้านพิกเซล

5 เหตุผลที่ควรเลือก Galaxy M33 5G

ในบทความนี้เลยขอหยิบเอา Galaxy M33 5G มาแนะนำให้ได้รู้จักกับ 5 เหตุผล ว่าอะไรที่ทำให้เราควรเลือก Galaxy M33 5G เป็นสมาร์ทโฟนคู่ใจ พร้อมด้วยรีวิวฉบับเต็มให้ศึกษากันได้อย่างจุใจ

แบตเตอรี่ใช้ยาวนานตลอดวัน

จุดเด่นอย่างแรกที่ขอหยิบมาพูดถึงคือเรื่องแบตเตอรี่ หลายคนเป็นห่วงเรื่องแบตเตอรี่ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นที่ตัวเองกำลังสนใจ แบตเตอรี่เป็นยังไง อึดไหม หมดเร็วหรือเปล่า สำหรับรุ่นนี้ขอบอกว่าหายห่วงครับ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุถึง 5,000 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ต่อการชาร์จเต็มความจุแค่เพียง 1 ครั้ง ที่สำคัญรองรับ fast charge 25W (สามารถชาร์จได้ถึง 50% ภายใน 30 นาที)

ความน่าสนใจคือจะมีระบบเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้งาน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ให้ตรงกับพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละบุคคล ทำให้เราสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนคู่โปรดได้แบบตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดระหว่างวัน นอกจากนั้นยังมีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่ออกไปให้มากขึ้นได้อีกด้วย รวมถึง AI Adaptive Power Saving ช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานให้นานกว่าเดิม

ชิปเซ็ตใหม่ Exynos 1280 5nm

มาพร้อมกับชิปประมวลผลตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Exynos 1280 ขนาด 5 นาโนเมตร ที่มีความสามารถ เร็ว และแรงขึ้นกว่าเดิม 61% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ต G80 ของ Galaxy M32 ทำให้ส่งผลต่อการใช้งานโดยรวมมีความลื่นไหลขึ้น ใช้งานได้สมูทขึ้น ไม่มีความหน่วง หรือกระตุก (จริงๆ Galaxy M32 ก็ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกเลย ลองนึกภาพว่าแล้วกับชิปที่เร็วขึ้น 61% ละ จะลื่นไหลแค่ไหน) สามารถทำงานหลากหลายพร้อมกันได้อย่างดีเยี่ยม

ตัวเครื่องสามารถเล่นเกมที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดได้เป็นอย่างดี ทั้ง PUBG Mobile, RoV เป็นต้น พร้อมด้วยแรมขนาด 8GB และเทคโนโลยี RAM Plus ที่สามารถเพิ่ม Ram ได้อีกถึง 6GB หน่วยความจำแบบ eMMC 5.1 ความจุ 128GB และสามารถเพิ่ม microSD ได้สูงสุดถึง 1TB ความจุเยอะไม่ต้องกลัวเครื่องเต็ม มั่นใจได้ว่าจะมีพื้นที่เพียงพอใจการจัดเก็บความทรงจำอันล้ำค่าของเราไว้ได้

วิดีโอทดสอบความลื่นไหล และการตอบสนองของตัวเครื่อง

เทคโนโลยี RAM Plus มีให้เลือกเพิ่มได้ตั้งแต่ 2GB 4GB 6GB โดยทุกครั้งที่เปลี่ยนแปลงค่าต้องรีสตาร์ทเครื่องทุกครั้ง เพื่อให้ระบบจัดสรรพื้นที่ในการเพิ่ม Ram สำหรับนำมาใช้งานเป็น RAM Plus

กล้อง quad camera 4+1 คมชัดทุกมุมมอง

สายทำคอนเทนต์ต้องถูกใจสิ่งนี้! กับกล้อง 4+1 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลัง 4 ตัว ได้แก่ กล้องหลักขนาด 50 ล้านพิกเซล กล้อง Ultra Wide ขนาด 5 ล้านพิกเซล ด้วยกล้องมุมกว้างพิเศษ 123 องศา ช่วยเพิ่มมุมมองให้กับการถ่ายภาพ ทำให้ภาพที่ได้มีมุมมองคล้ายกับการมองด้วยตาของมนุษย์ กล้อง Dept ขนาด 2 ล้านพิกเซล ช่วยให้สามารถถ่ายภาพที่มีความลึกด้วยสัมผัสเดียว กล้อง Macro ขนาด 2 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าอีก 1 ตัว ขนาด 8 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพแบบระยะใกล้ พร้อมทำให้รายละเอียดดูโดดเด่นได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยเอฟเฟกต์โบเก้

สามารถใช้สร้างคอนเทนต์ได้หลากหลาย ทั้งถ่าย vlog แชร์ลงโซเชียล ถ่ายรูปลงโซเซียล ถ่ายวีดีโอยาวๆ ถ่ายภาพของกิน ถ่ายภาพบุคคลก็ทำได้ดีเยี่ยม

เชื่อมต่อ 5G ได้อย่างเต็มที่

Galaxy M33 5G มาพร้อมกับการรองรับเครือข่าย 5G ที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นในการใช้งานสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม สตรีมหนังจากแอปต่างๆ ทั้ง NetFlix, YouTube, VIU ได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด มอบประสบการณ์ในการแชร์ไฟล์ ดาวน์โหลดไฟล์ที่รวดเร็ว มาพร้อมกับการรองรับ 2 ซิม แบบ nano SIM ที่รองรับ 5G ทั้ง 2 ซิม

การรองรับเครือข่าย 5G มีรายละเอียดดังนี้

5G FDD Sub6 N1(2100), N3(1800), N5(850), N7(2600), N8(900), N20(800), N28(700), N66(AWS-3)
5G TDD Sub6 N38(2600), N40(2300), N41(2500), N78(3500)

หน้าจอเต็มอิ่ม แสดงผลที่ไหลลื่น

หากคุณต้องการสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองในด้านความบันเทิง รุ่นนี้จะสามารถประสบการณ์การรับชมที่เต็มอิ่ม ที่ไหลลื่น ด้วยหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว Infinity-V Display ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz ที่จะให้ภาพสมูท ทุกอย่างไหลลื่นไม่ว่าคุณจะเล่นเกมหรือเลื่อนดูอะไรก็ตาม

ด้วยหน้าจอที่กว้างขนาด 6.6 นิ้ว แต่ขอบหน้าจอที่มีความบาง ทำให้ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่จนถือมือเดียวลำบาก และด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ ทำให้เรามีพื้นที่หน้าจอแสดงผลใหญ่ขึ้น มีมุมมองที่กว่างขึ้น ได้รับชมในสิ่งที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน บนหน้าจอขนาดใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นหน้าจอยังมอบความสวย ความคมชัดสดใส และสมจริงของภาพได้ด้วย

รีวิว Samsung Galaxy M33 5G

มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว ที่ 400 ppi ความละเอียด Full HD แบบ Infinity-V Display พื้นที่หน้าจอแสดงผลคิดเป็น 82.5% ของขนาดตัวเครื่อง อัตราส่วนภาพ 20:9 รีเฟรชเรท Super Smooth 120Hz ที่จะให้ภาพสมูท ทุกอย่างไหลลื่นไม่ว่าคุณจะเล่นเกมหรือเลื่อนดูอะไรก็ตาม

มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ที่จะทำให้คุณดูโดดเด่นและเอฟเฟกต์โบเก้ ที่ช่วยเบลอฉากหลังอย่างแนบเนียน

มาพร้อมกับ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และเชื่อมต่อคอม รองรับชาร์จเร็ว 25W (สามารถชาร์จได้ถึง 50% ภายใน 30 นาที) และรองรับ Smart Switch (PC version) ที่สำคัญรุ่นนี้ยังคงให้ช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. มาด้วย

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน

ขนาดของตัวเครื่อง 165.4 x 76.9 x 8.4 มม. น้ำหนัก 198 กรัม ถือมือเดียวได้สบายๆ ใช้งานมือถือเดียวไม่ลำบาก

ถาดซิมที่ออกแบบมาสีเดียวกับตัวเครื่อง รองรับ 2 ซิม แบบ nano SIM และใส่ microSD ได้สูงสุดถึง 1TB ไม่ต้องกังวลว่าพื้นที่จะไม่พอ และไม่ต้องไปเบียดโควต้าซิมการ์ด โดยรองรับเครือข่ายดังนี้

2G GSM GSM850, GSM900, DCS1800, PCS1900
3G UMTS B1(2100), B2(1900), B4(AWS), B5(850), B8(900)
4G FDD LTE B1(2100), B2(1900), B3(1800), B4(AWS), B5(850), B7(2600), B8(900), B12(700), B17(700), B20(800), B26(850), B28(700), B66(AWS-3)
4G TDD LTE B38(2600), B40(2300), B41(2500)
5G FDD Sub6 N1(2100), N3(1800), N5(850), N7(2600), N8(900), N20(800), N28(700), N66(AWS-3)
5G TDD Sub6 N38(2600), N40(2300), N41(2500), N78(3500)

ในแง่การรักษาความปลอดภัยหรือการยืนยันตัวตนเข้าใช้งานตัวเครื่อง ก็มีรูปแบบการปลดล็อคให้ใช้งานได้หลายวิธี และสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี เช่น การปลดล็อคแบบ Pattern หรือรูปแบบที่เราลากนิ้วไปมาบนหน้าจอ หรือใส่ Pin รหัสความปลอดภัย (ตัวเลข) ใส่รหัสผ่าน (ตั้งยาวๆ ได้) หรือการปลดล็อคด้วยชีวมาตร อย่าง ปลดล็อคด้วยใบหน้า (Face recognition) และปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ของตัวเครื่อง

ตัวเครื่องมาพร้อมกับดีไซน์ที่มีความเรียบง่ายแต่มีสไตล์ มีความทันสมัย พร้อมกับขอบที่โค้งมน จับถนัดมือและเฟรมหลักที่ดูเรียบง่ายที่มีชุดกล้องแบบมินิมอล มีให้เลือกในแบบสีน้ำเงิน (Dark Blue), สีเขียว (Green) และสีน้ำตาล (Brown) สีที่เรารีวิวคือ สีเขียว (Green)

กล้องหลังให้มาถึง 4 ตัว ครบจบทุกมุมมอง ประกอบไปด้วย กล้องหลัง 4 ตัว ได้แก่ กล้องหลักขนาด 50 ล้านพิกเซล กล้อง Ultra Wide ขนาด 5 ล้านพิกเซล กล้อง Dept ขนาด 2 ล้านพิกเซล กล้อง Macro ขนาด 2 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวีดีโอ UHD 4K (3840 x 2160) @30fps (เฟรมต่อวินาที) และสามารถถ่าย Slow Motion ที่ 240fps @HD

ซัพพอร์ท fast charge 25W (สามารถชาร์จได้ถึง 50% ภายใน 30 นาที) เมื่อเสียบสายชาร์จระบบจะขึ้นว่า “การชาร์จด่วนพิเศษ”

มาพร้อมกับอินเตอร์เฟส One UI 4 รันบน Android 12 ถูกพัฒนามาให้ผสานการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับการปล่อยอัปเดต FW ให้อย่างต่อเนื่อง สามารถเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม สลับใช้งานแอปพลิเคชันได้อย่างไหลลื่น ส่วนตัวคุ้นชินและชอบ One UI เพราะมีความสวยงามน่าใช้งาน ขึ้นชื่อเรื่องการใช้งานที่ง่าย ไม่ต้องเรียนรู้วิธีใช้ อินเตอร์เฟสมีความเรียบ เบา และตัวอินเตอร์เฟสที่ลื่นไหลไม่หน่วงไม่กระตุก สลับแอปไปมาได้รวดเร็ว

จากการใช้งานได้รับประสบการณ์ใช้งาน UI ที่ลื่นไหลและรวดเร็ว ไม่หน่วง ไม่สะดุด และไม่ค้างที่ เพิ่มความสามารถในการรักษาความปลอดภัย ยกระดับการรักษาความเป็นส่วนตัวขึ้น เพิ่มฟีเจอร์การเเจ้งเตือนการขออนุญาตการเข้าถึง โดยที่ระบบจะมีการแจ้งเตือนแสดงขึ้นบนแถบสถานะเมื่อพบแอปที่เข้าถึงกล้อง ที่อยู่ และไมโครโฟน ที่ทำงานเบื้องหลัง

มีแอปจัดการด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยแอปจะมีฟังก์ชันในการเพิ่มประสิทธิภาพต่าง ๆ เช่นทำความสะอาดข้อมูลในเครื่อง กำจัดขยะ สแกนความปลอดภัย หรือสแกนหาไวรัสในมือถือ จัดการการใช้งานแบตเตอรี่ เพิ่มความเร็วของอุปกรณ์ (ซึ่งตรงนี้จะเป็นการเคลียร์ Cache ของเครื่อง) นอกจากนั้นก็มีฟังก์ชั่นในการจัดการ App เช่น update app ถอนการติดตั้ง App สุดท้ายก็จะเป็น feature ทำความสะอาดเชิงลึก ซึ่งตรงนี้จะทำการลบแอปที่เราไม่ค่อยได้ใช้งานออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ของตัวเครื่อง

มาพร้อม Dark Mode แม้แอปที่เราใช้งานจะไม่รองรับ แต่ตัวอินเตอร์ก็สามารถเปลี่ยนแอปดังกล่าวเป็น Dark Mode ได้ โดยจะเปลี่ยนสีของพื้นหลัง แอปของระบบ และแอปภายนอก ให้เข้มขึ้น พร้อมกันนี้ Dark Mode ยังมอบประสบการณ์การมองเห็นในสภาวะแสงน้อยด้วย ช่วยลดการใช้พลังงานและช่วยบรรเทาอาการปวดตา สามารถปรับแต่งรูปแบบการแจ้งเตือนได้ด้วย ในแง่การตอบสนองการใช้งานตอบสนองได้อย่างลื่นไหลไม่หน่วงไม่กระตุกไม่ค้างไม่ช้าสลับแอปไปมาได้อย่างลื่นไหลเราสามารถสลับการใช้งานระหว่างเกมกับ App โดยที่ไม่ขัดจังหวะไม่ต้องรอโหลดช่วยให้ประสบการณ์ในการใช้งานดีขึ้นมากๆ

สามารถใช้งานแอปเวอร์ชั่นล่าสุดของ Google ในระบบปฏิบัติการ Android ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Play Store, YouTube, Google Assistant, google maps, แอป Google สำหรับค้นหาข้อมูลต่างๆ โดยที่ไม่ต้องเปิดเว็บ chrome, Gmail หรือแม้แต่ Google photos สำหรับเก็บสำรองข้อมูลรูปภาพของเราไว้บนคลาวด์ของ Google แม้ตอนนี้จะไม่ให้ใช้ฟรีไม่จำกัดแล้วก็ตาม

มีโหมดควบคุมเสียงพูดของเราที่ชื่อว่า Mic Mode โดยฟีเจอร์นี้จะทำหน้าที่ปรับแต่งเสียงให้ได้ตามที่เราต้องการ ช่วยแยกเสียงของเราออกจากเสียงรบกวนรอบๆ และเพิ่มกำลังของเสียงให้คู่สนทนาได้ยินเสียงพูดที่ชัดเจนขึ้น

มาพร้อมกับ Bluetooth 5.2 รองรับกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Galaxy Eco System มากมาย ตั้งแต่ Galaxy Buds Pro, Galaxy Buds Live, Galaxy Buds+, Galaxy Buds, Galaxy Fit, Galaxy Fit e, Galaxy Watch, Galaxy Watch Active, Galaxy Watch Active2, Gear Fit2, Gear Fit2 Pro, Gear Sport, Gear S2, Gear S3, Gear IconX, Gear IconX (2018) หรือหูฟังตัวใหม่ล่าสุดที่พึ่งรีวิวไปอย่าง Galaxy Buds2 ก็รองรับเช่นกัน

เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยจะสามารถดูแบตเตอรี่ และตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้ เช่นเปิด-ปิดโหมดตัดเสียงรบกวน การควบคุมสั่งงานผ่านการสัมผัสต่างๆ

รองรับระบบเสียง Dolby Atmos โดย Dolby Atmos รองรับเฉพาะชุดหูฟังสเตอริโอและลำโพง Bluetooth เท่านั้น และ Dolby Atmos สามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่อได้เปิดใช้งาน Dolby Atmos ใน Settings

ปล. ชุดหูฟัง Galaxy Buds ที่เทียบให้ดูมีจำหน่ายแยกต่างหาก ไม่ได้แถมรวมในกล่องนะครับ

มาพร้อมกับ Game Booster ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมของเราได้สูงขึ้นช่วยให้ประสบการณ์การเล่นเกมบนเครื่องนี้จำได้ดีขึ้น และจำกัดกิจกรรมที่อาจะขึ้นมาขัดจังหวะการเล่นเกม โดย Game Turbo จะให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ปรับแต่งได้มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพอัตราเฟรม ดึงความสามารถของระบบมาโฟกัสที่การเล่นเกม ความเสถียรของเกมเพิ่ม การเร่งความเร็วสัมผัส และทำให้ระบบสัมผัสประสิทธิภาพดีขึ้น อัตรารีเฟรชเรทคงที่ การเล่นเกมทำได้อย่างต่อเนื่องแม้แบนด์วิดท์เครือข่ายและเวลาแฝงที่ลดลง เพิ่มประสิทธิภาพของ Wi-Fi ลดความล่าช้าของ Wi-Fi เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมการสัมผัสตอบสนองการสัมผัสได้ดีขึ้น

นอกจากนั้นยังเฝ้าระวังอุณภูมิของตัวเครื่อง และค่อยจัดการกับหน่วยความจำ ให้เพียงพอต่อการเล่นเกม

ทดสอบกับเกม PUBG Mobile สามารถปรับความละเอียดของกราฟิกได้ระดับ HD นี่คือระดับสูงสุดที่ตัวเกมสามารถให้ปรับได้สำหรับเครื่องนี้ ส่วนเฟรมเรทได้ระดับสูง ลองเข้าเล่นพบว่าเกมตอบสนองได้ดี ลื่นไหล ไม่มีความหน่วงหรือกระตุกเลย สัมผัสก็ตามใจสั่งสัมผัสสั่งงานได้ทันที ไม่ดีเล

นอกจากประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมแล้ว ก็ยังมาพร้อมกับการรักษาความปลอดภัยในทุกระดับที่ช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานได้ดีมากๆ ด้วย Samsung Knox ระบบรักษาความปลอดภัยอันแข็งแกร่งของซัมซุง ที่ถูกใช้ในทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตตัวท็อปของแบรนด์ ถูกใส่มาในรุ่นนี้ด้วย Samsung Knox จะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเราจากมัลแวร์ และการจู่โจมจากผู้ไม่ประสงค์ดีส่วนใหญ่ ด้วยแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยแบบยกระดับทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Knox ที่ช่วยปกป้องสมาร์ทโฟนจากการโจมตีทางไซเบอร์ ด้วยนวัตกรรมด้านปลอดภัยสูงสุดของซัมซุง

รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G+5GHz, VHT80 สามารถเชื่อมต่อกับ Wi-Fi 5GHz ได้

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง

ภาพถ่ายในบทความรีวิวได้มีการย่อขนาดรูปทำให้คุณภาพอาจจะสูญเสียไป หากอยากดูภาพจริงที่ไม่ถูกย่อขนาดสามารถเข้าดูได้ที่ Galaxy M33 5G | Flickr

ทดสอบกล้อง 4 ตัว

ภาพจากกล้องกล้องหลักขนาด 50 ล้านพิกเซล

ภาพจากกล้อง Ultra Wide ขนาด 5 ล้านพิกเซล

ภาพที่ใช้กล้อง Dept ขนาด 2 ล้านพิกเซล ช่วยให้สามารถถ่ายภาพที่มีความลึก

กล้อง Macro ขนาด 2 ล้านพิกเซล

กล้องหน้า

กล้องหน้ามุมปกติ

กล้องหน้ามุมกว้างจะเก็บรายละเอียดรอบๆ ได้มากขึ้น

นอกจากนั้นกล้องหน้ายังสามารถใช้งานโหมด Portrait ทำให้มีความลึกของภาพ ฉากหลังจะถูกเบลอไป

กล้องหลัง

ตัวอย่างวีดีโอ

สรุป

Galaxy M33 5G เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ประสิทธิภาพการใช้งานครบครันในทุกๆ ด้าน ในราคาที่เอื้อมถึงได้ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ น้ำเงิน น้ำตาล และ เขียว วางจำหน่ายในราคาสุดคุ้มเพียง 10,999 บาท พร้อมดีลสุดพิเศษจาก Lazada รับโปรโมชั่นผ่อนเริ่มต้นเพียง 1,100 บาทต่อเดือน พร้อมรับสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

ช่องทางสั่งซื้อ