Xiaomi 12 Pro สุดยอดเรือธงปี 2022 ของทาง Xiaomi เป็นรุ่นที่ต่อยอดมาจาก Xiaomi Mi 11 ที่ออกมาเมื่อปี 2021 โดยตัดชื่อแบรนด์ “Mi” ออก Xiaomi 12 Series จะมีด้วยกัน 2 รุ่น คือ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro มาพร้อมกับคอนเซ็ปท์ Master every scene เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานเหมือนมีสตูดิโอถ่ายวิดีโอส่วนตัวพกติดตัวไปด้วยทุกที่ ล้ำหน้าด้านการประมวลผล AI อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเสียวหมี่ และในบทความนี้เราจะ รีวิว Xiaomi 12 Pro ให้ได้ชมกัน
Xiaomi 12 Pro มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ Snapdragon® 8 Gen 1 หน่วยความจำ UFS 3.1 ขนาด 256GB แสดงผลกราฟิก GPU ได้มากขึ้นถึง 30% พร้อมด้วย RAM LPDDR5 กล้อง 3 ตัว ระดับโปร 50 ล้านพิกเซล จอแสดงผล 120Hz แบบแบบไดนามิก WQHD+ และ Xiaomi HyperCharge 120W ชาร์จเต็ม 100% ใน 18 นาที
รีวิว Xiaomi 12 Pro
สำหรับ Xiaomi 12 Pro มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ที่ล้ำยุคที่สุดในปัจจุบันอย่าง Snapdragon® 8 Gen 1 สร้างขึ้นบนกระบวนการประมวลผล 4nm โปรเซสเซอร์นี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการแสดงผลกราฟิก GPU ได้มากขึ้นถึง 30% และประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า มาพร้อมกับ UFS 3.1 ที่ให้ความเร็วในการโหลดและถ่ายโอนข้อมูล พร้อมด้วย LPDDR5 RAM เพื่อเพิ่มความเร็วของหน่วยความจำสูงถึง 6,400Mbps อย่ารอช้า มาเริ่มต้นดูรีวิว Xiaomi 12 Pro กันเลย
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ตัวเครื่องขนาด 163.6 x74.6 x8.16 มม.เป็นสมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอ 6.73 นิ้วที่จับได้ถนัดมือ ขอบหน้าจอบางทั้งบนและล่าง ทำให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป มีการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้จากโรงงาน
Xiaomi 12 Pro มาพร้อมกับลำโพง 4 ตัว ล่าง 2 ตัว และบนอีก 2 ตัว ในภาพจะเห็นว่ามีช่องลำโพงบน-ล่างแค่ ด้านละ 1 ช่อง แต่ภายในมีแยกเป็น 2 ตัว โดยมีทวีตเตอร์อิสระสองตัวและวูฟเฟอร์อีกหนึ่งคู่ในตัว ทำให้มีมิติเสียงที่ดีขึ้น และเป็น SOUND BY Harman Kardon สลักโลโก้ไว้ที่ด้านบนตัวเครื่องด้วย
มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือบนหน้าจอ สำหรับใช้งานปลดล็อคเข้าใช้งานเครื่อง ตั้งค่าง่ายมาก สแกนติดเร็วทันที ตำแหน่งจะอยู่สูงจากขอบล่างขึ้นมาพอสมควร ใช้งานแรกอาจจะไม่ชินกับตำแหน่งการวางนิ้ว ต้องปรับตัวสักระยบะ
ตัวเครื่องมีดีไซน์ที่โค้งมนบริเวณขอบด้านข้าง ช่วยให้จับถนัดมือ เป็นเฟรมโลหะ มีความแข็งแรงมาก มีความหนาอยู่ที่ 8.16 มม. น้ำหนัก 205 กรัม
Xiaomi 12 Pro มาพร้อมกับดีไซน์ที่มีควงามสวยงาม ออกแบบลายเส้นที่มีความเพรียวบางและเรียบเนียน ตัวฝาหลังให้ผิวสัมผัสแบบด้าน แต่มีความสว่างของโทนสี มองแล้วสะดูดตา เป็นความด้านที่มีความสวยงาม และหรูแทรกอยู่ งานประกอบเนียนและวัสดุพรีเมี่ยม มีความแข็งแรง ทนทาน ฝาหลังดูแล้วเกิดรอยยาก และไม่ต้องกังวลเรื่องคราบเหงื่อ เกิดอยากเช่นกัน
ตัวโมดูลกล้องจะนูนออกจากตัวเครื่องเล้กน้อย ตัวกล้องหลังวางเรียงกัน ครอบด้วยเฟรมโลหะ
ในกล่องแถมเคสพลบาสติกแบบใสมาให้ หากใครอยากโชว์สีเครื่องแนะนำตัวนี้เลย เคสใสแบบ TPU ที่ใช้วัสดุคุณภาพสูง ไม่เหนียว จับแล้วไม่ลื่นมือ ปกป้องทุกส่วนของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี
ชาร์จเร็ว Xiaomi HyperCharge 120W
Xiaomi 12 Pro แถมหัวชาร์จ Xiaomi HyperCharge 120W มาให้ในกล่องเลย ส่วนทางกับเรือธงหลายๆ แบรนด์ที่ไม่แถมหัวชาร์จมาให้ในกล่องแล้วคุณสมบัติของ Xiaomi HyperCharge 120W คือสามารถ ชาร์จเต็ม 100% ใน 18 นาที (โหมดเพิ่มประสิทธิภาพ) และชาร์จเต็ม 100% ใน 24 นาที (โหมดมาตรฐาน) และยังรองรับเทอร์โบชาร์จไร้สาย 50W สามารถชาร์จเต็ม 100% ใน 42 นาที รองรับการชาร์จย้อนกลับแบบไร้สาย 10W
แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตจะเสื่อมเร็ว เพราะมี AdaptiveCharge ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นและรับรองถึงการชาร์จที่ปลอดภัย จะเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของเราในทุกวัน เช่นระหว่างที่หลับ การชาร์จะหยุดลงชั่วคราวที่ 80% ขณะเรานอนหลับ และจะชาร์จต่อจนเต็มทันเวลาที่เราตื่นมา
หากปิด Xiaomi HyperCharge 120W ไป จะใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ราวๆ 40-47 นาที โดยประมาณ ก็ยังถือว่าเร็วอยู่ดี ที่สำคัญคือรักษาอายุก็แบตเตอรี่ได้ด้วย
หน้าจอแสดงผล
Xiaomi 12 Pro มาพร้อมกับสเปกหน้าจอสุดโหด โดยมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED DotDisplay ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ 3200 x 1440 พิกเซล อัตราส่วนจอภาพ 20:9 ที่ 522 ppi ที่มาพร้อม AdaptiveSyncPro คือตัวจริงเรื่องความคมชัด ความสว่าง และความลื่นไหล สามารถแสดงผลได้ตั้งแต่ 1Hz/10Hz/30Hz/60Hz/90Hz/120Hz เลยทีเดียว แสดงผลได้มากถึง 1 พันล้านสี เสริมความแข็งแรงด้วยกระจก Corning® Gorilla® Victus® และได้รับ DisplayMate ที่ระดับ A+ ด้วย
ที่น่าสนใจสำหรับเหล่าเกมเมอร์ มาพร้อมกับ Xiaomi SmartTouch สั่งการง่ายด้วยปลายนิ้ว ตอบสนองการสัมผัสสูงสุดถึง 480Hz
สเปกหน้าจออื่นๆ ดังนี้
- ช่วงสี: DCI-P3
- หน้าจอ TrueColor: JNCD≈0.43, Delta E≈0.4
- อัตราคอนทราสต์: 8,000,000 : 1
- ความสว่าง: HBM 1000 nits (typ), ความสว่างสูงสุด 1500 nits
- HDR10+
- Dolby Vision®
- การปรับความสว่างถึง 16000 ระดับ
- โหมดอ่านหนังสือ
- โหมดแสงอาทิตย์
- เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงรอบทิศทาง 360°
- แผงหน้าจอ LTPO ได้รับใบรับรองจอถนอมสายตา SGS เรื่องการปรับอัตรารีเฟรชอัตโนมัติที่ชาญฉลาดและใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า
- ใบรับรองจอถนอมสายตา SGS Seamless Pro
อัตราการรีเฟรชที่สามารถปรับได้ น้อยสุดคือ 1Hz โดยปกติจะตั้งค่าเป็นอัตโนมัติ จะทำงานตั้งแต่ 1Hz/10Hz/30Hz/60Hz/90Hz/120Hz ผ่านฟีเจอร์ AdaptiveSync Pro โดยจะมอบความไวการตอบสนองการสัมผัสอแตกต่างกันออกไปตามเนื้อหาบนหน้าจอ ตรงนี้ช่วยเรื่องการประหยัดแบตเตอรี่ได้ดีมาก แต่เราก็สามารถปรับตั้งค่าเองได้ 3 ค่า คือ 60Hz/90Hz/120Hz
ด้วยหน้าจอแสดงผลที่ให้มาความละเอียดสูงสุดถึง WQHD+ ในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้จำเป็นต้องใช้ความละเอียดระดับนั้น เพื่อลดการใช้พลังงานก็เลยมีตัวเครื่องความละเอียดระดับ FHD+ ให้เลือกใช้งาน
เครื่องมือภาพ AI
เครื่องมือภาพ AI มีด้วยกัน 4 โหมด คือ
- ความละเอียดสุดยอด ตรงนี้สำหรับปรับคุณภาพวีดีโอจะอัพสเกลขนาดความละเอียดของวีดีโอขึ้นไป
- การปรับปรุงรูปภาพ AI จะปรับเอฟเฟคการแสดงผลแบบไดนามิคของรูปภาพในคลัง
- การปรับปรุง AI HDR จะทำการประมวลผลโดยใช้เอฟเฟค HDR เพื่อให้ได้รายละเอียดที่มากขึ้น
- MEMC เพิ่มเฟรมของวีดีโอ ทำให้วีดีโอดูราบรื่นขึ้น สมูทขึ้น
กล้องระดับโปร
กล้องหน้า
มาพร้อมกับกล้องเซลฟี่บนหน้าจอความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 มีโหมดโหมดเซลฟี่กลางคืน โหมด AI เสริมความงาม โหมดภาพบุคคล AI พร้อมการควบคุมโบเก้และความลึก และเฟรมภาพยนตร์
กล้องหลัง
โมดูลกล้องที่แปลกตาเป็นเอกลักษณ์ ครอบด้วยเฟรมโลหะ มีลายเส้นแบ่งโมดูลกล้องแต่ตัวตัว ดูสวยงาม มาพร้อมกับกล้องระดับโปร ความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล องรับโหมดกลางคืน, HDR และการบันทึกวิดีโอ 4K 60 fps และถ่่ายได้สูงสุดถึง 8K สามารถถ่ายภาพได้อย่างหลากหลาย
Xiaomi 12 Pro มาพร้อมความโดดเด่นของแผงกล้อง 50 ล้านพิกเซลที่ล้ำสมัยซึ่งมีเซ็นเซอร์หลักขนาดใหญ่พิเศษจาก Sony IMX707 เซ็นเซอร์นี้สามารถรวบรวมแสงได้ในปริมาณมากขึ้นถึง 120% ซึ่งจะช่วยเสริมความสามารถในการผลิตภาพคุณภาพสูงด้วยความเร็วโฟกัสที่เร็วขึ้นและความแม่นยำของสีที่เพิ่มขึ้น
จุดเด่นฟีเจอร์กล้อง
- สำหรับคนที่ชอบการถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหว มี Xiaomi ProFocus สามารถระบุและติดตามวัตถุได้อย่างชาญฉลาด รวมไปถึงป้องกันภาพเบลอหรือภาพที่ไม่โฟกัสของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่อยู่หรือถูกบดบัง และสามารถโฟกัสอัตโนมัติที่ดวงตาและใบหน้าอีกด้วย
- มี Ultra Night Video ที่ใช้อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเสียวหมี่ในการบันทึกวิดีโอได้แม้ในสภาวะแสงน้อยมาก และด้วย Xiaomi AI ทำให้ลดเสียงรบกวนในวิดีโอและการเพิ่มความสว่างหลายระดับ สามารถถ่ายทำวิดีโอคุณภาพเยี่ยมแม้แสงจะลดต่ำลงเหลือเพียง 1 lux
- Ultra Night Photo ให้ภาพคมชัดในความมืด ด้วย HDR และการควบคุมแสงไฟสูง ทำให้ Xiaomi 12 Pro เก็บภาพได้ละเอียดมากแม้จะมีแสงน้อยแค่ 0.02 lux และ
กล้องแต่ละตัวมีสเปกดังนี้
- กล้องมุมกว้าง 50 ล้านพิกเซล
- ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28”
- เลนส์ 7-Element
- ขนาดพิกเซล 1.22μm, 4-in-1 Super Pixel ขนาด 2.44μm
- รูรับแสง f/1.9
- มี OIS
- เซ็นเซอร์ Sony IMX707
- กล้องมุมกว้างพิเศษ 50 ล้านพิกเซล
- มุมกว้าง 115° FOV
- เลนส์ 6-Element
- รูรับแสง f/2.2
- กล้องเทเลโฟโต 50 ล้านพิกเซล
- ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 48 มม.
- เลนส์ 5-Element
- รูรับแสง f/1.9
โหมดถ่ายภาพ
โหมดถ่ายภาพกล้องหลังมีให้เลือกใช้งานเยอะมากๆ แต่ละตัวก็ฟีเอจร์ล้ำๆ กันทั้งนั้น อาทิ
- Xiaomi ProFocus (โฟกัสติดตามการเคลื่อนไหว/โฟกัสติดตามสายตา/การจับการเคลื่อนไหว)
- Ultra Night Photoโหมดบุคคลกลางคืน
- ภาพ HDR และ HDR ภาพบุคคล
- โหมด Long Exposure มีหกเอฟเฟ็กต์ (ฝูงชน, ภาพเขียนสีน้ำมัน, แสงนีออน, ภาพวาดแสง, ท้องฟ้าและดวงดาว, เส้นทางดาว)
- โคลนภาพถ่าย
- ถ่ายต่อเนื่องแบบจับเวลา
- ฟิลเตอร์ภาพถ่าย
- โหมดกลางคืน (มุมกว้าง/กว้างพิเศษ/เทเลโฟโต)
- โหมด 50 ล้านพิกเซล (มุมกว้าง/กว้างพิเศษ/เทเลโฟโต)
- โหมดเอกสาร
- กล้อง AI
- Google Lens
- เฟรมภาพยนตร์
- โหมดโปร
- รูปแบบของภาพที่ถ่าย: HEIF และ JPEG
- โหมด RAW
- การจดจำใบหน้า
- AI ปรับแก้ความบิดเบี้ยว (สำหรับเลนส์กว้างพิเศษ)
ในแอปแกลอรี่มีลูกเล่นในการแก้ไขภาพ สามารถตกแต่งภาพแบบจริงจัง ใช้ทดแทนแอปแต่งรูปๆได้เลย ทำได้ตั้งแต่การใส่ฟิลเตอร์ เลือกโทนสีภาพ ตกแต่งภาพด้วย AI
โหมดถ่ายวีดีโอ
สำหรับโหมดวีดีโอก็สะดวกมากๆ มีลูกเล่นน่าใช้งานอย่าง เอฟเฟคภาพยนต์ ที่ช่วยให้เราถ่ายวีดีโอยากๆ ได้แบบไม่ต้องตั้งค่าอะไรเลย เพียงเลือกเอฟเฟคที่มีมาให้จากนั้นตั้งกล้องถ่ายได้ทันที โดยโหมดถ่ายวีดีโอมีดังนี้
- Xiaomi ProFocus (โฟกัสติดตามการเคลื่อนไหว)
- Ultra Night Video
- AI Cinema ในคลิกเดียว : Magic Zoom, ชัตเตอร์ช้า, หยุดวิดีโอเป็นภาพนิ่ง, Time Lapse กลางคืน, โลกคู่ขนาน, วิดีโอแช่เฟรม
- ฟิลเตอร์วิดีโอระดับภาพยนตร์
- วิดีโอ HDR10+
- Time Lapse แบบมือโปร
- โหมด Vlog
- วิดีโอกล้องคู่ (กล้องเซลฟี่ + กล้องหลัก)
- ตัดต่อวิดีโอ
- โหมดวิดีโอโปร
- เฟรมภาพยนตร์
- วิดีโอสโลว์โมชัน: 120fps, 240fps, 480fps, 960fps, 1920fps
การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหลัง
- 8K 7680×4320 ที่ 24fps
- 4K 3840×2160 ที่ 60fps
- 4K 3840×2160 ที่ 30fps
- 1080p 1920×1080 ที่ 60fps
- 1080p 1920×1080 ที่ 30fps
- 720p 1280×720 ที่ 30fps
One-click AI cinema
มี AI Cinema แบบคลิกเดียว (One-click AI Cinema) เป็นตัวเลือกสำหรับคนขี้เกียจตัดต่อเอง เพราะมีตัวเลือกมากมายสำหรับการตัดต่อวิดีโอ อาทิโหมด Parallel World, Freeze Frame Video และโหมด Magic Zoom เพียงแค่เลือกวีดีโอที่ต้องการมา จากนั้น One-click AI Cinema จะเอาทุกวีดีโอที่เราเลือกมาเรียงกันเป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน ใส่แอฟเฟค ใส่เพลง เรียงไทม์ไลน์ให้อัตโนมัติ และเรายังสามารถปรับแต่งได้อีกอีกด้วย
อินเตอร์เฟสและการใช้งาน
ณ ตอนที่รีวิว Xiaomi 12 Pro อยู่ซอฟท์แวร์ปัจจุบันคือ MIUI 13 (13.0.5.0.SLBMIXM) ซึ่งเป็นการอัปเดทแพทช์ความปลอดภัยของ Android ถึง มีนาคม 2022 (ในตอนถ่ายรูปยังไม่กดอัปเดท) เป็นตัวยืนยันว่าทาง Xiaomi ไม่ได้ทิ้ง สามารถอัพเดท FW เวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้เรื่อยๆ รวมถึงแอปต่างๆ ที่ติดมากับเครื่องก็ด้วยก็สามารถอัพเดทได้ทุกอย่าง และมีการอัพเดทความปลอดภัยย่อยทุกเดือน ปลอดภัยไร้กังวล
ตัวอินเตอร์เฟส MIUI 13 มาพร้อม Dark Mode แม้แอปที่เราใช้งานจะไม่รองรับ แต่ตัวอินเตอร์ก็สามารถเปลี่ยนแอปดังกล่าวเป็น Dark Mode ได้ โดยจะเปลี่ยนสีของพื้นหลัง แอปของระบบ และแอปภายนอก ให้เข้มขึ้น พร้อมกันนี้ Dark Mode ยังมอบประสบการณ์การมองเห็นในสภาวะแสงน้อยด้วย ช่วยลดการใช้พลังงานและช่วยบรรเทาอาการปวดตา สามารถปรับแต่งรูปแบบการแจ้งเตือนได้ด้วย ในแง่การตอบสนองการใช้งานตอบสนองได้อย่างลื่นไหลไม่หน่วงไม่กระตุกไม่ค้างไม่ช้าสลับแอปไปมาได้อย่างลื่นไหลเราสามารถสลับการใช้งานระหว่างเกมกับ App โดยที่ไม่ขัดจังหวะไม่ต้องรอโหลดช่วยให้ประสบการณ์ในการใช้งานดีขึ้นมากๆ
ประสบการณ์ใช้งาน UI ที่ลื่นไหลและรวดเร็ว ไม่หน่วง ไม่สะดุด และไม่ค้างที่ เพิ่มความสามารถในการรักษาความปลอดภัย ยกระดับการรักษาความเป็นส่วนตัวขึ้น เพิ่มฟีเจอร์การเเจ้งเตือนการขออนุญาตการเข้าถึง โดยที่ระบบจะมีการแจ้งเตือนแสดงขึ้นบนแถบสถานะเมื่อพบแอปที่เข้าถึงกล้อง ที่อยู่ และไมโครโฟน ที่ทำงานเบื้องหลัง
ในแง่การรักษาความปลอดภัยหรือการยืนยันตัวตนเข้าใช้งานตัวเครื่อง ก็มีรูปแบบการปลดล็อคให้ใช้งานได้หลายวิธี และสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี เช่น การปลดล็อคแบบ Pattern หรือรูปแบบที่เราลากนิ้วไปมาบนหน้าจอ หรือใส่ Pin รหัสความปลอดภัย (ตัวเลข) ใส่รหัสผ่าน (ตั้งยาวๆ ได้) หรือการปลดล็อคด้วยชีวมาตร อย่าง ปลดล็อคด้วยใบหน้า (Face recognition) และปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือที่หน้าจอ
มี App จัดการด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยแอปจะมีฟังก์ชันในการเพิ่มประสิทธิภาพต่าง ๆ เช่นทำความสะอาดข้อมูลในเครื่อง กำจัดขยะ สแกนความปลอดภัย หรือสแกนหาไวรัสในมือถือ จัดการการใช้งานแบตเตอรี่ เพิ่มความเร็วของอุปกรณ์ (ซึ่งตรงนี้จะเป็นการเคลียร์ Cache ของเครื่อง) นอกจากนั้นก็มีฟังก์ชั่นในการจัดการ App เช่น update app ถอนการติดตั้ง App สุดท้ายก็จะเป็น feature ทำความสะอาดเชิงลึก ซึ่งตรงนี้จะทำการลบแอปที่เราไม่ค่อยได้ใช้งานออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ของตัวเครื่อง
สามารถใช้งานแอปเวอร์ชั่นล่าสุดของ Google ในระบบปฏิบัติการ Android ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Play Store, YouTube, Google Assistant, google maps, แอป Google สำหรับค้นหาข้อมูลต่างๆ โดยที่ไม่ต้องเปิดเว็บ chrome, Gmail หรือแม้แต่ Google photos สำหรับเก็บสำรองข้อมูลรูปภาพของเราไว้บนคลาวด์ของ Google แม้ตอนนี้จะไม่ให้ใช้ฟรีไม่จำกัดแล้วก็ตาม
สเปกตัวเครื่องและประสิทธิภาพ
อย่างที่กล่าวตอนแรก มาพร้อมกับ Snapdragon® 8 Gen 1 โปรเซสเซอร์ 4nm ระดับเรือธง สูงสุด 3.0Ghz ประสิทธิภาพ CPU แรงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 888 พร้อมเทคโนโลยี Armv9 Cortex-X2 ประกอบไปด้วย 1x คอร์หลัก (จาก X2), 3.0GHz 3x คอร์ทอง (จาก A710), 2.5GHz และ 4x คอร์เงิน (จาก A510), 1.8GHz พร้อมด้วย Qualcomm® Adreno™ GPU การแสดงผลกราฟิกเร็วขึ้น 30% และ 7th Gen Qualcomm® AI Engine ประสิทธิภาพ AI แรงขึ้น 400%
และยังมาพร้อมกับ LPDDR5 RAM ขนาด 12GB + พื้นที่จัดเก็บ UFS 3.1 ขนาด 256GB ไม่สามารถเพิ่ม microSD ได้
สำหรับใครที่กังวลเรื่องความร้อน ทาง Xiaomi ได้ออกแบบแผงระบบระบายความร้อนขั้นสูงมา เรียกว่า เทคโนโลยี LiquidCool (VC กว้างพิเศษ + แผ่นแกรไฟต์ 3 แผ่น) เป็นระบบระบายความร้อนมีห้องไอขนาดใหญ่และบางพิเศษ 2900 ตร.มม. ซึ่งใหญ่กว่าทุกรุ่นที่มีมาก่อนหน้านี้มาก และยังมาพร้อมแผ่นแกรไฟต์สามเลเยอร์เพื่อลดอุณหภูมิของคอร์ลงอย่างมีประสิทธิภาพ
ความบันเทิงรอบด้าน
มาพร้อม SOUND BY Harmon Kardon ที่สร้างประสบการณ์เสียงที่สมจริงที่ขับเคลื่อนโดย Dolby Atmos® ให้เสียงรอบทิศทางพร้อมรายละเอียดที่สมบูรณ์ คมชัด และอย่างที่กล่าวตอนต้นไปว่า Xiaomi 12 Pro มาพร้อมลำโพงสี่ตัวประกอบไปด้วย ลำโพงทวีตเตอร์สองตัวและลำโพงวูฟเฟอร์สองตัว ให้รายละเอียดที่ชัดเจนและครอบคลุมช่วงเสียง และมีมิติมากกว่าลำโพงของสมาร์ทโฟนทั่วไป
รองรับการรับชมวีดีโอความละเอียด 2160p ที่ 60fps HDR หน้าจอแสดงผลที่มีความละเอียดสูง สีสันสดใส แสดงผลได้เต็มพื้นที่หน้าจอ เกือบจะไร้ขอบเลยทีเดียว มองเห้นขอบของตัวเครื่องด้านข้าง เานล่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การเล่นเกม
มาพร้อมกับ Game Turbo ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมของเราได้สูงขึ้นช่วยให้ประสบการณ์การเล่นเกมบนเครื่องนี้จำได้ดีขึ้น โดย Game Turbo จะให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ปรับแต่งได้มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพอัตราเฟรม ความเสถียรของเกมเพิ่มขึ้น 37.9% การเร่งความเร็วสัมผัส ระบบสัมผัสประสิทธิภาพดีขึ้น 100% การเล่นเกมอย่างต่อเนื่องแม้แบนด์วิดท์เครือข่ายและเวลาแฝงที่ลดลง เพิ่มประสิทธิภาพของ Wi-Fi ลดความล่าช้าของ Wi-Fi เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมการสัมผัสตอบสนองการสัมผัสได้ดีขึ้น
ในแง่การเล่นเกม ทดสอบกับเกม PUBG Mobile และ RoV สามารถปรับสูงสุดเลย เล่นได้อย่างลื่นไหล เฟรมเรทมาเต็ม ไม่หน่วง ไม่กระตุก ตอบสนองการสั่งงาน การสัมผัสได้ดีมาก สามารถดูวีดีโอระหว่างการเล่นเกมด้านล่างได้ ระหว่างการเล่นตัวเครื่องก็ร้อนในระดับนึง แต่ไม่ถึงกับร้อนจนจับเครื่องเล่นต่อไม่ได้
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์
ในตอนที่กำลังรีวิว Xiaomi 12 Pro อยู่และได้ใช้คู่กับสมาร์ทวอทช์พบว่า Work มาก หากคุณใช้สมาร์ทโฟน Xiaomi และต้องการใช้สมาร์ทวอทช์ ขอแนะนำสมาร์ทวอทช์ของ Xiaomi อย่าง Xiaomi Watch S1 Active เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED 1.43 นิ้ว มีโหมดออกกำลังกายให้คุณเลือกมากถึง 117 โหมด สามารถเลือกลวดลายบนหน้าปัดได้มากกว่า 200 รูปแบบ ใช้งานได้ยาวนานถึง 12 วัน สามารถเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกับ Xiaomi 12 Pro ได้อย่างลงตัว เชื่องโยงการใช้งานร่วมกันได้อย่างราบลื่น ไม่ว่าจะเป้นการแจ้งเตือน หรือการติดตามกิจกรรมต่างๆ ของเราในแต่ละวัน และไม่ต้องค่อยชาร์จแบตทุกวันด้วย
Wi-Fi 6 / Wi-Fi 6E และ 5G
Xiaomi 12 Pro รองรับการเชื่มอต่อไร้สายที่หลากหลาย อาทิ Bluetooth 5.2 รองรับ AAC/LDAC/LHDC รองรับ Wi-Fi 6 / Wi-Fi 6E 2×2 MIMO, 8×8 Sounding สำหรับ MU-MIMO, WiFi Direct
ทดสอบเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่บ้านวิ่งเต็มกำลังเลย ถือว่าจับสัญญาณและวิ่งได้ดีมาก
รองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ nano SIM ใช้งาน 5G ได้ทั้ง 2 ซิม รองรับ 5G ทั้ง NSA + SA (n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n40/n41/n66/n77/n78/n79) และรองรับ 4×4 MIMO
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
รูปที่อัพโหลดให้ชมเป็นตัวอย่างใน รีวิว Xiaomi 12 Pro นี้จะถูก Resize ส่งผลทำให้คุณภาพดราปไป สามารถเข้าชมภาพเต็ม ได้ที่ Xiaomi 12 Pro | Flickr
กล้องหน้า
กล้องหลัง
วีดีโอ
สรุป
จบไปแล้วสำหรับรีวิว Xiaomi 12 Pro เรียกได้ว่ารอบนี้จัดเต็มมากๆ นอกเหนือจากฮาร์ดแวร์ที่น่าประทับใจแล้ว Xiaomi 12 Pro ยังพัฒนา AI อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัวของเสียวหมี่ นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างคุ้มค่ามากๆ สามารถบันทึกทุกช่วงเวลาตามต้องการ
Xiaomi 12 Series วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน 2565
- Xiaomi 12 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 31,990 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
- Xiaomi 12 รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท บนช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์ม ที่ JD Central, Lazada และ Shopee
- Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
ช่องทางสั่งซื้อ
