กาแฟดำ (Black Coffee) เป็นกาแฟที่ผ่านการคั่วบด และชงอย่างพิถีพิถัน โดยไม่ใส่นม น้ำตาล หรือส่วนผสมอื่นใดลงไปนอกจากกาแฟ และน้ำเท่านั้น จึงคงคุณประโยชน์ของกาแฟไว้ได้อย่างแท้จริง โดยกาแฟดำนั้นจะมีรสชาติต่างจากกาแฟใส่นมทั่วไป เพราะมีรสขม เข้มข้น และมีความเปรี้ยวของกาแฟแทรกอยู่ ซึ่งทำให้กาแฟดำ ได้รับความสนใจในกลุ่มคนรักสุขภาพ และผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่าง เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อยเข้มข้นแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีส่วนช่วยในการต้านโรคร้ายต่าง ๆ อีกด้วย
ซึ่งในบทความนี้เราก็มี 8 ประโยชน์ของการดื่มกาแฟดำ ที่หลายคนยังไม่รู้ มาฝากกันค่ะ
8 ประโยชน์ของการดื่มกาแฟดำ ที่หลายคนยังไม่รู้
ช่วยควบคุมหรือลดน้ำหนัก
การดื่มกาแฟดำ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ซึ่งจะส่งสัญญาณบอกร่างกายให้ทำลายเซลล์ไขมัน และดึงไปใช้เป็นพลังงาน นอกจากนี้กาแฟดำยังมีกรดธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ในร่างกายเพื่อเอื้อต่อการควบคุมน้ำหนักนั่นเอง แต่จะต้องเป็นกาแฟดำที่ปราศจากน้ำตาล
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
การดื่มกาแฟดำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากกาแฟดำจะช่วยเพิ่มระดับอะดรีนาลีนในเลือด ซึ่งมีผลทำให้ร่างกายอึดทนต่อการออกกำลังกายที่หนักได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งกาแฟดำยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งควรดื่มกาแฟดำก่อนออกกำลังกายประมาณ 15 นาที จะช่วยให้เราออกแรงได้ดีขึ้น และตื่นตัวมากขึ้น
ช่วยให้สมองให้ตื่นตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
กาแฟดำมีคาเฟอีนซึ่งเป็นสารที่สามารถปลุกความตื่นตัวให้กับร่างกายที่อ่อนล้าหรืออ่อนเพลียได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้สมองตื่นตัว รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มึความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง และคาเฟอีนในกาแฟดำมีส่วนช่วยขยายหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น อาการตึงเครียดก็จะผ่อนคลายลง ทำให้พร้อมต่อการทำงานหรือกิจกรรม
ช่วยกระตุ้นความจำ ทำให้สมองทำงานดีขึ้น
การดื่มกาแฟดำจะช่วยไปกระตุ้นการสร้างฮอร์โมน G-CSF ซึ่งช่วยลดภาวะความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ในกาแฟดำยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ ซึ่งจะไปช่วยซ่อมแซมเซลล์สื่อประสาทได้อย่างดี อีกทั้งยังมีสารกระตุ้นจิตประสาท เมื่อทำปฏิกิริยากับร่างกายแล้วจะช่วยเพิ่มพลังงาน ความสามารถในการจดจำมากขึ้น
มีสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย
กาแฟดำเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ และยังอุดมไปด้วยวิตามิน B2, B3, B5, แมงกานีส, โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยปกป้อง และซ่อมแซมเซลล์ ไม่ให้สร้างความเสียหายกับเซลล์ อีกทั้งช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ลดการเกิดโรคต่าง ๆ และชะลอความเสื่อมของร่างกายได้อีกด้วย
ช่วยลดอาการปวดศีรษะ และอาการเมาค้าง
กาแฟดำมีสารคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้ตื่นตัว ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานมากขึ้น ทำให้ร่างกายได้รับพลังงาน และควบคุมการทำงานของระบบประสาทได้ดีขึ้น ทำให้ลดอาการปวดศรีษะได้ และยังช่วยเร่งการขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายผ่านการปัสสาวะ ช่วยให้หายจากอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี
ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็ง
การดื่มกาแฟดำเป็นประจำมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งทวารหนัก เนื่องกาแฟดำมีกรดอะซิติก และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการอักเสบภายในเซลล์ ป้องกันการพัฒนาของเนื้องอกในร่างกายอันเป็นสาเหตุของการเกิดเนื้อร้ายได้นั่นเอง
ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
การดื่มกาแฟดำวันละ 1-2 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง อีกทั้งกาแฟดำยังช่วยลดระดับการอักเสบในร่างกายอีกด้วย เนื่องจากในกาแฟดำมีวิตามินบีรวมชนิดหนึ่ง ชื่อว่านิโคติน ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว จึงไม่ทำให้เป็นโรคหัวใจ แถมลดความเสี่ยงภาวะไขมันในเลือดสูงอีกด้วย แต่สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ไม่ควรดื่มกาแฟเด็ดขาด
เคล็ดลับการดื่มกาแฟดำให้ดีต่อสุขภาพ
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟดำตอนท้องว่าง เพราะกาแฟมีกรดที่อาจกัดกระเพาะได้
- ไม่ควรดื่มกาแฟดำเกิน 4 แก้วต่อวัน หรือรับคาเฟอีนได้ไม่เกิน 300 – 400 มิลลิกรัมต่อวัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟระหว่างออกกำลังกาย และหลังออกกำลังกาย เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินจำเป็น
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหลังเวลา 14.00 น. เพราะอาจทำให้นอนหลับยาก
- หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าต้องจำกัดการกินกาแฟหรือต้องงดดื่มกาแฟหรือไม่
กาแฟดำ มีประโยชน์มากมาย ให้พลังงานต่ำ เหมาะกับการลดน้ำหนัก และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน หรือช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย ดังนั้น ถ้าใครยังไม่เคยลองดื่มกาแฟดำอาจจะค่อย ๆ ลองเปิดใจ เริ่มจากลดความหวานในกาแฟ เปลี่ยนมาเป็นกาแฟดำใส่นมจืด แล้วจึงค่อย ๆ ปรับมาเป็นกาแฟดำล้วน ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณในระยะยาว แต่ทั้งนี้การกาแฟดำ ก็ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร และโรคหัวใจ เนื่องจากมีฤทธิ์กระตุ้นอาการของโรค ผู้ที่มีโรคประจำตัวจึงควรปรึกษาแพทย์ในการดื่มกาแฟดำค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.freepik.com/